รู้ก่อนจะสาย! เมื่อความเครียดมีผลต่อการเสื่อมสมรรถภาพเพศ ED ของผู้ชาย
คุณเคยรู้สึกเครียดจนหมดพลัง ไม่อยากทำอะไร แม้กระทั่งไม่มีอารมณ์ทางเพศไหม?
ความเครียด คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อาจค่อย ๆ บั่นทอนความมั่นใจและส่งผลต่อสุขภาพทางเพศของผู้ชายโดยที่คุณไม่ทันรู้ตัว
บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดและภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction: ED) ว่าทั้งสองอย่างนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และผู้ชายที่คิดว่ามีอาการนี้ควรดูแลตัวเองยังไง เพื่อให้สุขภาพกายและใจดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
ED หรือ ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ คืออะไร?
ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction: ED) คือ ภาวะที่อวัยวะเพศของผู้ชายแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ แข็งตัวไม่นานพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ หรือเรียกง่าย ๆ ว่านกเขาไม่ขันนั่นเอง ซึ่งอาจเป็นแค่บางครั้งที่เกิดจากความเหนื่อยล้าของร่างกายหรือเกิดอย่างต่อเนื่องจนทำให้กระทบต่อการมีชีวิตคู่และความมั่นใจของตัวเอง
หลาย ๆ คนเข้าใจว่าภาวะ ED จะเกิดขึ้นกับเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ความเป็นจริงผู้ชายวัยทำงานที่มีความเครียดสะสมจากการทำงาน การเงินหรือครอบครัว ก็สามารถมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ ED ได้เช่นกัน

ความเครียดส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย (ED) ได้อย่างไร?
การแข็งตัวของอวัยวะเพศเกิดจากการทำงานร่วมกันที่ซับซ้อนของระบบประสาท ฮอร์โมน หลอดเลือด และจิตใจ ทุกระบบต้องทำงานพร้อม ๆ กันจึงจะทำให้น้องชายเกิดการแข็งตัวที่สมบูรณ์ แต่เมื่อคุณเริ่มสะสมความเครียดจนเรื้อรัง การทำงานของระบบต่าง ๆ อาจถูกรบกวน ได้แก่
- ฮอร์โมนความเครียดสูงเกินไป
เมื่อมีความเครียดอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ลดลง ซึ่งเมื่อฮอร์โมนเพศชายนี้ลดลงความต้องการทางเพศและการแข็งตัวก็จะลดลงตามไปด้วย - การไหลเวียนเลือดผิดปกติ
ความเครียดจะทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดการตอบสนองแบบฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ โดยจะมีอาการ เช่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดพุ่งสูงขึ้น และหลอดเลือดหดตัว ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อสำคัญอื่น ๆ แทนที่จะไปยังอวัยวะเพศ และเมื่อการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศไม่เพียงพอ ก็จะทำให้การแข็งตัวยากหรือไม่เต็มที่ - สมองไม่โฟกัสกับความรู้สึกทางเพศ
เมื่อสมองของคุณเต็มไปด้วยความกังวลและความเครียด สมองส่วนที่ควรจะไปกระตุ้นความตื่นตัวทางเพศจะถูกกดทับ และการปล่อยสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความสุข เช่น โดพามีน (Dopamine) และ เซโรโทนิน (Serotonin) จะลดลง ทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลงตามไปด้วย ถึงแม้จะมีสิ่งที่มากระตุ้น แต่สมองก็อาจตอบสนองได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม - เกิดความเครียดซ้ำเติม
เมื่อผู้ชายเริ่มเจอกับอาการ ED ไม่ว่าจะเป็นการแข็งตัวของน้องชายที่ไม่เต็มที่หรือการแข็งตัวที่ไม่นาน ก็จะทำให้เกิดความกังวลและสูญเสียความมั่นใจไป ทำให้เกิดความเครียดยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้สมรรถภาพทางเพศแย่ลงไปอีก เป็นวงจรที่อันตรายยากต่อการแก้ไขหากปล่อยไว้นานและไม่มีการรักษา
จริง ๆ แล้ว นอกจากความเครียดแล้ว ก็ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายร่วมด้วย ทั้งในเรื่องของสุขภาพทางกายหรือพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้นำไปสู่ปัญหาของสุขภาพกายและจิตใจได้เช่นเดียวกัน
วิธีเช็กสัญญาณที่อาจบอกว่าคุณกำลังเสี่ยงจะมีภาวะ ED ที่เกิดจากความเครียด
- รู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดเกือบทุกวัน ตื่นมาแล้วรู้สึกหมดแรง ไม่มีแรงจะทำอะไร อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายอยู่ภายใต้ความเครียดเรื้อรัง
- มีปัญหาการนอน นอนไม่หลับหรือชอบตื่นกลางดึกบ่อย ๆ การที่พักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายฟื้นฟูฮอร์โมนและระบบประสาทได้ไม่เต็มที่ ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถภาพทางเพศ
- รู้สึกไม่มีอารมณ์ทางเพศหรือความต้องการทางเพศลดลง ความเครียดและระดับฮอร์โมนเพศชายที่น้อยลง จะทำให้ความสนใจในเรื่องเพศค่อย ๆ หายไป
- อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเมื่อตื่นนอนตอนเช้า สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี ถ้าหากน้องชายไม่แข็งตัวตอนเช้ามานาน อาจเกี่ยวข้องกับความเครียดและปัญหาการไหลเวียนเลือด
- อวัยวะเพศแข็งตัวยากหรือแข็งตัวได้ไม่นาน ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จนเสร็จหลายครั้ง
- อวัยวะเพศแข็งตัวเมื่อช่วยตัวเอง แต่ไม่แข็งตัวเวลามีเพศสัมพันธ์ อาจมีสาเหตุมาจากปัญหาด้านจิตใจและความเครียด
- รู้สึกกังวลจนหมดความมั่นใจเวลาต้องมีเพศสัมพันธ์ กังวลว่าจะทำไม่ได้หรือไม่สำเร็จอีก
หากคุณพบว่ามีหลายข้อที่เข้าข่ายและรู้สึกว่าตรงกับตัวเอง อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าความเครียดเริ่มส่งผลต่อร่างกายและสุขภาพของคุณแล้ว ทางที่ดีควรเริ่มจากการปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเครียด และหากว่ามีอาการ ED ต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะบางครั้งภาวะ ED อาจไม่ใช่แค่เรื่องของความเครียดเท่านั้น แต่อาจเป็นสัญญาณบอกถึงโรคอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดัน หรือโรคหัวใจได้เช่นกัน

เคล็ดลับจัดการความเครียดและลดความเสี่ยงการเกิดภาวะ ED
แม้ว่าความเครียดจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตประจำวัน แต่เราสามารถจัดการและลดผลกระทบจากความเครียดที่จะเกิดขึ้นได้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ลุกลามไปจนถึงเรื่องสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย จะมีอะไรบ้าง?
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ 7–8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยฟื้นฟูทั้งสมอง ระบบประสาทและการหลั่งของฮอร์โมน ในระหว่างที่เราหลับร่างกายจะปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ซึ่งจำเป็นต่อสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย หากว่าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอฮอร์โมนนี้จะลดลง - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรกินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนคุณภาพดีและไขมันดี (เช่น ปลา อะโวคาโด ถั่ว) ช่วยเสริมให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น เป็นการบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งช่วยเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศ และควรลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด มีน้ำตาลสูงและมีไขมันอิ่มตัวทำให้หลอดเลือดเสื่อมเร็วขึ้น - ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังไม่เพียงแต่จะช่วยให้กระตุ้นการไหลเวียนเลือดดีขึ้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินหรือสารแห่งความสุข ที่ช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลฮอร์โมนได้ สามารถออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นคาร์ดิโอ (เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน) หรือเวทเทรนนิ่ง - ฝึกการผ่อนคลายเมื่อเจอกับความเครียด
ความเครียดที่เกิดขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่จัดการ อาจจะสะสมจนส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายได้ เพราะฉะนั้นคุณควรฝึกวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยผ่อนคลายจิตใจและลดความเครียด เช่น การหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ การเล่นโยคะหรือการฝึกสติ วิธีเหล่านี้จะช่วยให้สมองของคุณปลอดโปร่ง ลดฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) และทำให้อารมณ์กลับมาสมดุลมากขึ้นได้ - ลดแอลกอฮอล์และงดการสูบบุหรี่
ทั้งแอลกอฮอล์และบุหรี่ส่งผลเสียต่อการทำงานของหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีและเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของการเกิดภาวะ ED อีกด้วย หากว่าคุณต้องการดูแลสมรรถภาพทางเพศในระยะยาว ควรที่จะลดการดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลงและงดการสูบบุหรี่ - เปิดใจคุยกับคู่ของคุณ
หากว่าคุณเก็บปัญหาและความเครียดไว้คนเดียวอาจทำให้ต้องแบกรับความเครียดที่หนักขึ้น การที่ผู้ชายได้พูดคุยกับคู่ จะช่วยลดความกดดันและสร้างความเข้าใจกับคู่ของคุณได้ หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์หรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต ก็เป็นอีกทางออกที่จะช่วยหาสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด - ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นว่าบางครั้งภาวะ ED ก็ไม่ได้เกิดจากความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่ยังอาจเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจ เพราะฉะนั้นการตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้คุณรู้สุขภาพร่างกายของตัวเอง และสามารถจัดการปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
มาถึงตรงนี้คุณคงเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดและภาวะ ED ดีขึ้นแล้ว เราเชื่อว่าความเครียดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายทุกคนมองข้ามอีกต่อไป เพราะนอกจากความเครียดจะกระทบต่อสุขภาพร่างกายกับจิตใจแล้ว มันยังส่งผลไปถึงสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายด้วยเช่นกัน
หากว่าคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังเผชิญกับทั้งความเครียดและอาการ ED อย่าปล่อยให้ปัญหานี้ลุกลามจนยากที่จะแก้ไข ควรเริ่มการดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ และถ้าคุณได้อ่านบทความนี้จบแล้ว ก็จะช่วยให้ผู้ชายทุกคนรู้เท่าทันร่างกาย ความเครียด และวิธีในการจัดการปัญหานี้ได้อย่างเหมาะสม ทำให้คุณกลับมามีความมั่นใจ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง