5 ฮอร์โมนสำคัญที่สัมพันธ์กับการนอนของผู้ชายมีอะไรบ้าง?
การนอนหลับทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญของสุขภาพของผู้ชาย แต่ก็อาจจะมีหลาย ๆ คนที่ยังไม่รู้ว่า ฮอร์โมนในร่างกายมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อคุณภาพการนอน และในทางกลับกันการนอนก็จะส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายเช่นกัน
ซึ่งในบทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างฮอร์โมนกับการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้น จะมีฮอร์โมนอะไรบ้าง? ที่ส่งผลกับการนอนของคุณ เริ่มกันที่

1. ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone)
ฮอร์โมน Testosterone มีความสำคัญกับเพศชายที่ไม่ได้มีผลแค่เฉพาะเรื่องสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงสุขภาพร่างกาย จิตใจ พลังงานในชีวิตประจำวันอีกด้วย แล้วฮอร์โมน Testosterone เกี่ยวข้องอะไรกับการนอนอย่างไร?
การหลั่งของฮอร์โมน Testosterone
จะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงเช้ามืดและหลังจากที่ได้นอนหลับสนิทอย่างน้อย 6–8 ชั่วโมง และจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงกลางวันไปจนถึงเย็น ๆ หากชอบตื่นกลางดึกหรือนอนหลับไม่สนิท ร่างกายจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่างเต็มที่
ผลกระทบเมื่อฮอร์โมน Testosterone ต่ำ
จะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรง สมาธิและความจำลดลง ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ความต้องการทางเพศลดลงและอาจนำไปสู่ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ (ED) รวมถึงการสร้างกล้ามเนื้อและการฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายจะมีประสิทธิภาพที่แย่ลง
จากผลวิจัยพบว่า ผู้ชายที่นอนเพียง 5 ชั่วโมงต่อคืน ยาวติดต่อกัน 1 สัปดาห์ มีระดับฮอร์โมน Testosterone ลดลงถึง 10–15% เมื่อเทียบกับช่วงที่นอน 8 ชั่วโมง ซึ่งผลลัพธ์หมายความว่าคน ๆ นั้นมีความแก่ขึ้นหลายปีในเวลาอันสั้น หากผู้ชายต้องการให้ความฟิต สมรรถภาพ และพลังงานในการใช้ชีวิตสมดุลกับอายุ การนอนที่มีคุณภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสมดุลของฮอร์โมน ไม่แพ้การออกกำลังกายหรือการกินอาหารดี ๆ เลย
2. ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone)
Growth Hormone เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) มีความสำคัญตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ไม่ได้แค่ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต แต่ยังมีหน้าที่ในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกาย ช่วยเผาผลาญไขมัน รักษาสมดุลของน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมผิวให้ดีขึ้น ไปจนถึงความแข็งแรงของกระดูกและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
การหลั่งของ Growth Hormone
จะหลั่งมากที่สุดในช่วงที่มีการนอนหลับลึก โดยเฉพาะใน 90 นาทีแรกหลังจากที่หลับ หากคุณภาพการนอนของคุณไม่ดีชอบหลับ ๆ ตื่น ๆ กลางดึกหรือเข้านอนดึกเกินไป ร่างกายจะเสียโอกาสในการหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ไป
ผลกระทบเมื่อขาด Growth Hormone
เมื่อร่างกายไม่ได้รับ Growth Hormone จากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ กล้ามเนื้อจะฟื้นตัวช้าลง รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนแรงแม้จะไม่ค่อยได้ออกแรง เสี่ยงต่อการสะสมไขมันที่หน้าท้อง ภูมิคุ้มกันแย่ลงจนทำให้ป่วยง่ายและยังทำให้เสื่อมสมรรถภาพเร็วกว่าปกติ จนรู้สึกแก่ก่อนวัย
Growth Hormone เหมือนทีมที่ช่วยซ่อมแซมบำรุงร่างกายของเราตอนที่เราหลับ ดังนั้นการนอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ จึงมีความสำคัญมากสำหรับผู้ชายที่ต้องการฟื้นฟูร่างกาย รักษาความแข็งแรง และอยากดูอ่อนเยาว์ให้นานที่สุด

3. ฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin)
ฮอร์โมน Melatonin เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมไพเนียล (Pineal gland) ในสมอง ทำหน้าที่เหมือนเป็น นาฬิกาของชีวิต ที่จะคอยบอกเราว่าเมื่อไหร่ควรนอน เมื่อไหร่ควรตื่น โดยปกติร่างกายจะเริ่มหลั่งฮอร์โมนนี้ในช่วงเย็นเมื่อแสงสว่างลดลงและจะหลั่งมากที่สุดในเวลากลางคืน เพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกให้ร่างกายรู้ว่า “ถึงเวลานอนแล้ว”
การหลั่งของฮอร์โมน Melatonin
การที่ฮอร์โมน Melatonin หลั่งอย่างสมดุล จะช่วยให้ผู้ชายนอนหลับลึกได้ง่ายขึ้น ร่างกายจะสามารถซ่อมแซม ฟื้นฟู และหลั่ง Growth Hormone รวมถึง Testosterone ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากว่าก่อนนอนได้รับแสงสีฟ้าจากมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มันจะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน Melatonin ทำให้สมองยังคงตื่นตัวเพราะคิดว่าเป็นกลางวัน และจะทำให้หลับยากขึ้น
ผลกระทบเมื่อฮอร์โมน Melatonin ผิดปกติ
ผู้ชายที่ทำงานกะกลางคืนหรือหลับไม่เป็นเวลา มักมีระดับ Melatonin ที่ผิดปกติ ทำให้การนอนและการตื่นไม่สมดุลกัน และส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอนตอนกลางวัน อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวานและภาวะซึมเศร้าได้
4. ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol)
ฮอร์โมน Cortisol เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมหมวกไต มีหน้าที่ช่วยให้ร่างกายรับมือกับความเครียดได้ รวมถึงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือฮอร์โมน Cortisol จะมีจังหวะการหลั่งที่สัมพันธ์โดยตรงกับการนอนดังนี้
การหลั่งของฮอร์โมน Cortisol
โดยปกติฮอร์โมน Cortisol จะหลั่งมากที่สุดในช่วงเช้ามืด เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการตื่นตัวและมีพลังพร้อมที่จะเริ่มต้นวันใหม่ หลังจากนั้นฮอร์โมนจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน และอยู่ในระดับต่ำสุดในช่วงเวลากลางคืน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ผลกระทบเมื่อฮอร์โมน Cortisol ผิดปกติ
ผู้ชายที่มีความเครียดเรื้อรัง ทำงานดึก หรือเจอกับแรงกดดันต่อเนื่อง ระดับฮอร์โมน Cortisol อาจสูงผิดเวลา ทำให้ร่างกายตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้นอนหลับยาก หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อยและตื่นเช้ามาแล้วไม่สดชื่น เหมือนพักผ่อนไม่เต็มที่ เมื่อสะสมไปนาน ๆ อาจนำไปสู่ภาวะอ่อนล้าเรื้อรัง นอกจากนี้เมื่อระดับฮอร์โมน Cortisol สูงอย่างต่อเนื่องยังทำให้เกิดการสะสมไขมันหน้าท้อง น้ำหนักขึ้น ความดันโลหิตสูง เสี่ยงโรคหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอทำให้ป่วยง่าย ระดับฮอร์โมน Testosterone ลดลง เพราะร่างกายต้องใช้ทรัพยากรไปสร้างฮอร์โมน Cortisol แทน

5. ฮอร์โมนอินซูลินและเลปติน (Insulin & Leptin)
ฮอร์โมน Insulin และ Leptin มีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความอยากอาหาร ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบเผาผลาญของร่างกาย เป็นอีกหนึ่งฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อร่างกายและมีความสัมพันธ์กับการนอนเช่นเดียวกัน
ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin)
เป็นฮอร์โมนที่ช่วยนำน้ำตาลกลูโคสจากเลือดเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน แต่ถ้าหากนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอาจจะเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้มีน้ำตาลตกค้างในเลือดมากเกินไปจนเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน และทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย หิวง่าย รวมถึงการรบกวนการหลั่งฮอร์โมน Testosterone และ Growth Hormone อีกด้วย
ฮอร์โมนเลปติน (Leptin)
ฮอร์โมน Leptin เป็นฮอร์โมนที่ส่งสัญญาณไปยังสมองว่าอิ่มแล้ว ถ้าหากนอนไม่พอระดับฮอร์โมน Leptin จะลดลง ในขณะเดียวกันฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่กระตุ้นทำให้รู้สึกหิวและอยากอาหารจะสูงขึ้น ทำให้หิวและอยากกินอาหารโดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งและมีไขมันสูง จนเสี่ยงทำให้น้ำหนักเกินและเกิดไขมันสะสมได้ง่าย
ผลกระทบเมื่อฮอร์โมน Insulin และ Leptin ผิดปกติ
จะทำให้น้ำหนักเพิ่มง่ายขึ้น โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง มีภาวะอ้วน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกลุ่มเมตาบอลิก (เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ) รวมทั้งกระทบไปถึงสมรรถภาพทางร่างกายและพลังงาน เพราะร่างกายขาดความสมดุลในการจัดการพลังงานได้ไม่ดี ส่งผลให้รู้สึกอ่อนล้า ฟื้นตัวช้า แก่ก่อนวัย และปัญหาสุขภาพเรื้อรังต่าง ๆ ที่จะตามมา
การนอนที่มีคุณภาพควรทำอย่างไร? เพื่อให้ฮอร์โมนมีความสมดุล
- นอนและตื่นให้เป็นเวลา
การนอนและตื่นให้ตรงเวลาทุกวัน ช่วยปรับสมดุลนาฬิกาชีวิต ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนและการตื่นได้อย่างเหมาะสม ทำให้หลับสนิทและฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น - หลีกเลี่ยงการใช้มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
แสงสีฟ้าจากหน้าจอจะไปลดการหลั่งของฮอร์โมน Melatonin ร่างกายจะเข้าใจว่ายังเป็นเวลากลางวัน ทำให้หลับยาก ควรเปลี่ยนไปเป็นการอ่านหนังสือ ฟังเพลงเบา ๆ หรือทำสมาธิแทน - ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรออกใกล้เวลานอน
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการหลั่ง Growth Hormone และ Testosterone ซึ่งสำคัญต่อการซ่อมแซมร่างกายและสร้างกล้ามเนื้อ แต่ถ้าออกกำลังกายก่อนนอนหนักเกินไปจะเป็นการกระตุ้นหัวใจและฮอร์โมน Cortisol ทำให้นอนหลับยาก - รับแสงแดดตอนเช้า เพื่อปรับนาฬิกาชีวิต
แสงแดดจะช่วยรีเซ็ตนาฬิกาชีวิต ลดการหลังฮอร์โมน Melatonin และเพิ่มการหลั่งฮอร์โมน Costisol ทำให้ร่างกายตื่นตัวในตอนกลางวันและนอนหลับได้ลึกขึ้นตอนกลางคืน - จัดห้องนอนน่านอน
สิ่งแวดล้อมมีผลมากต่อคุณภาพในการหลับ ควรให้มีอุณหภูมิที่พอดีประมาณ 24–26 °C เงียบและมืดสนิท เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนได้เต็มที่ ถ้ามีเสียงดังอาจใช้ที่อุดหู หรือถ้าหากมีแสงรบกวน ควรใช้ผ้าม่านที่กันแสงได้ - ควบคุมอาหารและเครื่องดื่มก่อนนอน
หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และอาหารมื้อหนักใกล้เวลานอน เพราะจะไปรบกวนระบบย่อยอาหารและทำให้หลับไม่สนิท
การนอนหลับที่มีคุณภาพไม่ใช่แค่การนอนที่นับจำนวนชั่วโมง แต่คือการพักผ่อนที่ช่วยให้การทำงานของฮอร์โมนทำงานได้อย่างสมดุลตามที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นการช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นตัว เพิ่มพลังงาน สมรรถภาพทางเพศ และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังในระยะยาว