เช็ค 3 ระดับความเครียด รู้ทันก่อนมีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพของผู้ชาย (ED)

ความเครียดกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน สำหรับคนที่ต้องแบกทั้งความรับผิดชอบ ทั้งในเรื่องของครอบครัว หน้าที่การงาน และความคาดหวังจากคนรอบข้าง แต่หารู้ไม่ความเครียดนั้นอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่หากปล่อยให้ความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็อาจนำไปสู่ “โรคเครียด” ที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย จิตใจ คุณภาพชีวิต ไปจนถึงการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย (ED) โดยไม่รู้ตัว 

แล้วคุณสงสัยไหมว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้เราเครียดแค่ไหน? แล้วต้องทำอย่างไร?

จริง ๆ แล้วความเครียดนั้นแบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน ซึ่งแต่ละระดับก็มีอาการและวิธีการรับมือที่แตกต่างกัน ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับความเครียดทั้ง 3 ระดับ พร้อมสัญญาณเตือน และแนวทางในการดูแลตัวเองที่เหมาะสำหรับผู้ชายที่ไม่อยากให้ตัวเองก้าวเข้าสู่โรคเครียด

 

1. ความเครียดระดับปกติ (Normal Stress)

ความเครียดระดับปกติ เป็นรูปแบบของความเครียดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในชีวิตประจำวัน และเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือผู้บริหารระดับสูง เช่น ความกังวลก่อนประชุม ตื่นเต้นก่อนขึ้นเวที หรือเจอสถานการณ์ไม่คาดฝัน โดยทั่วไปแล้วความเครียดในระดับนี้จะเป็นแบบชั่วคราว และไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหากสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม

 

สัญญาณเตือนที่พบได้:

  • รู้สึกตื่นเต้น หรือมีความกังวลเล็กน้อย เช่น หัวใจเต้นแรง มือเย็น มีเหงื่อออกที่มือบ้าง แต่ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อยู่
  • สมาธิสั้นชั่วคราว บางครั้งอาจรู้สึกเหม่อหรือใจลอย หรือคิดอะไรไม่ออก แต่จะกลับมาเป็นปกติหลังจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดนั้นผ่านไปแล้ว
  • อารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย เช่น หงุดหงิดง่าย หรือมีความอ่อนไหวมากกว่าปกติ แต่ไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ใด ๆ หรือการใช้ชีวิตในประจำวัน

แนวทางการรับมือ:

การรับมือกับความเครียดระดับปกติทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการรักษาทางการแพทย์ แต่อาศัยการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

  • ฝึกการหายใจลึก ๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดอัตราการเต้นของหัวใจ และลดความตึงเครียดได้
  • จัดการเวลา และแบ่งเวลาให้ชัดเจน วางแผนล่วงหน้า ลดการทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เพื่อลดความกดดันที่ไม่จำเป็น
  • ออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น การเดินเร็ว หรือโยคะ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขของร่างกาย เพื่อลดความตึงเครียด
  • หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเครียด เช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ หรือการดูอะไรเครียด ๆ ก่อนนอน
2. ความเครียดสะสม (Chronic Stress)

เมื่อความเครียดเกิดขึ้นซ้ำ ๆ แม้ว่าจะเครียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เราไม่ได้จัดการความเครียดนั้นให้เหมาะสม หรือไม่มีโอกาสได้พักจิตใจจากความกดดันในชีวิตประจำวัน ความเครียดเหล่านั้นอาจสะสมและค่อย ๆ จนกลายเป็นภาวะ ความเครียดสะสม ซึ่งความเครียดระดับจะเริ่มส่งผลกระทบต่อร่างกาย และอาจเป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหาสุขภาพในระยะยาว และเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยขึ้นในผู้ชายวัยทำงานของยุคนี้

โดยเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 30–50 ปี ที่มักต้องมีแรงกดดันจากหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การดูแลครอบครัว หรือความคาดหวังต่าง ๆ จากสังคม แต่กลับมีที่อยู่กับตัวเองเพื่อฟื้นฟูจิตใจน้อยลงเรื่อย ๆ ความเครียดที่ดูเหมือนจะไม่รุนแรงในช่วงแรก อาจส่งผลเสียลึก ๆ ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และระดับฮอร์โมน ลามไปถึงการเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED)

 

สัญญาณเตือนที่พบได้:

  • นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หรือชอบตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ร่างกายอาจรู้สึกเหนื่อยล้าอยากพักผ่อน แต่ใจกลับคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไม่หยุด ทำให้นอนหลับไม่สนิท ตื่นมาแล้วยังรู้สึกเพลีย ๆ
  • ปวดหัว ปวดคอ ปวดไหล่ กล้ามเนื้อตึงโดยไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่จริง ๆ แล้วมักเกิดจากความเครียดที่ส่งผลต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
  • หงุดหงิดง่าย เบื่อหน่ายชีวิต ไม่อยากทำอะไร ความรู้สึกหมดแรงจูงใจ หรือไม่อินกับสิ่งที่เคยชอบ เป็นสัญญาณว่าในสมองเริ่มมีสารเคมีที่มารบกวน
  • มีปัญหาสุขภาพระบบร่างกายบางอย่าง เช่น ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ แน่นท้อง ท้องอืดบ่อย ๆ หรือความดันโลหิตสูง
  • เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศ เช่น อวัยวะเพศแข็งตัวได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:

  • ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ลดลง ความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งไปกดการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ทำให้ไม่ค่อยมีแรง อารมณ์ไม่ดี
  • อาจเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction – ED) ความเครียดสะสมเป็นหนึ่งใจสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ของผู้ที่เกิดภาวะ ED ของผู้ชายวัยทำงาน โดยจะส่งผลกระทบ 2 ด้านหลัก ๆ คือ
    • ด้านร่างกาย ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงขึ้นส่งผลให้หลอดเลือดหดตัว เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้น้อยลง และทำให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศยากขึ้น
    • ด้านจิตใจ เกิดเป็นความกังวล (Performance Anxiety) คือ เมื่อมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศแล้วครั้งหนึ่ง ในครั้งถัด ๆ ไปก็จะเกิดความเครียด และมีความกังวลว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอย ยิ่งทำให้ปัญหาเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
  • เสี่ยงเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมถึงภาวะฮอร์โมนแปรปรวน
  • ประสิทธิภาพในการทำงานแย่ลง คิดวิเคราะห์ช้าลง ขาดแรงบันดาลใจในการทำงาน ไม่ค่อยมีสมาธิ อาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานได้แบบไม่ตั้งใจ

แนวทางการรับมือ:

  • ปรับสมดุลการใช้ชีวิต (Work-Life Balance) แบ่งเวลาให้กับตัวเองให้ชัดเจน เหนื่อยก็พัก ไม่ต้องฝืน และอย่าแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในรูปแบบต่าง ๆ ตามที่เราถนัด การขยับร่างกายจะช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียด และเพิ่มสารแห่งความสุขให้กับร่างกาย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ งดการเล่นมือถือหรืออยู่กับหน้าจอให้น้อยลงโดยเฉพาะช่วงก่อนนอน หลีกเลี่ยงกาแฟหลังบ่ายสอง และก่อนนอนควรฟังเพลงเบา ๆ หรืออ่านหนังสือที่ช่วยให้ผ่อนคลายให้เป็นนิสัย
  • ฝึกการทำสมาธิ หรือหายใจลึก ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิสั้น ๆ 10–15 นาทีต่อวัน จะช่วยลดความตึงเครียดที่เกิดจากระบบประสาทได้
  • หากคุณรู้สึกว่าควบคุมความเครียดหรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้หลาย ๆ สัปดาห์ หรือรู้สึกว่ากำลังจะเริ่มมีภาวะ ED ทำให้เกิดปัญหา ควรเริ่มมาปรึกษาแพทย์
  • เปิดใจคุยกับคนใกล้ชิดหรือคนรักอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความเครียด และปัญหาที่เกิดขึ้น จะช่วยลดความกดดันและความคาดหวังในเรื่องเพศสัมพันธ์ ทำให้ความกังวลในส่วนนั้นลดลง อาจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้
3. ความเครียดรุนแรง หรือภาวะหมดไฟ (Severe Stress or Burnout)

หากคุณมีความเครียดสะสมเป็นเวลานานเกินไป และไม่ได้รับการดูแลหรือจัดการความเครียด อาจนำไปสู่ความเครียดระดับรุนแรงที่สุด หรือที่เรียกว่าภาวะหมดไฟ ซึ่งร่างกายและจิตใจจะเริ่มส่งสัญญาณเตือนชัดเจนว่า คุณไม่ไหวแล้ว คุณถึงขีดจำกัดแล้ว หากเกิดภาวะนี้ มันไม่ใช่แค่การเหนื่อยแบบปกติ แต่คือการหมดแรงทางอารมณ์ หมดพลังใจ และไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติได้ง่าย ๆ

สัญญาณเตือนที่พบได้:

  • หมดไฟในการทำงาน ไม่อยากลุกจากเตียงตอนเช้า รู้สึกเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งในชีวิต แม้แต่งานที่เคยชอบ หรือสิ่งที่รัก
  • รู้สึกไร้ค่า หรือไม่มีเป้าหมายในชีวิต ตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น ฉันทำไปทำไม? ฉันทำไปเพื่อใคร? หรือ ฉันยังมีคุณค่าอยู่หรือเปล่า?
  • สมองเบลอ จำอะไรไม่ค่อยได้ การคิด วิเคราะห์ ช้าและต่ำลง
  • มีปัญหาเรื่องเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED) ที่ชัดเจน ความต้องการทางเพศลดลงหรือแทบจะไม่เหลือเลย อวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่นาน จนกลายเป็นปัญหาเวลามีเพศสัมพันธ์
  • น้ำหนักขึ้นหรือลดมากผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักแบบผิดปกติโดยไม่ได้ตั้งใจ มักแสดงถึงความแปรปรวนของระบบฮอร์โมนในร่างกาย
  • มีความคิดลบเกี่ยวกับตัวเองอยู่เสมอ ไปจนถึงสิ่งที่น่ากลัวมาก ๆ คืออยากหายไปจากโลกนี้ รู้สึกสิ้นหวังในชีวิตอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้ารุนแรง

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:

  • เกิดภาวะซึมเศร้า และวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา มีความเครียดรุนแรงจนอาจกลายเป็นโรคทางจิตเวชได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ และรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งภาวะเหล่านี้เป็นต้นเหตุของภาวะ ED ที่รุนแรงขึ้น เพราะความรู้สึกสิ้นหวัง และหมดความสนใจทุกสิ่งรอบตัว ซึ่งมักรวมไปถึงเรื่องเพศด้วย
  • บางคนพยายามหนีความเครียดด้วยการดื่มแอลกฮอล์แบบหนัก สูบบุหรี่จัด หรือหันไปใช้สารกระตุ้นต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายลืมความรู้สึกแย่ในเวลาชั่วคราว แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านี้กลับยิ่งทำให้สุขภาพแย่ลงทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ที่เป็นปัจจัยหลักของการทำลายหลอดเลือดและส่งผลเสียต่อการแข็งตัวของอวัยเพศ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหา ED ให้เลวร้ายลงไปอีก
  • ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง พลังที่จะมอบให้กับตัวเองยังแทบจะไม่มี ทำให้พลังในการรักษาความสัมพันธ์กับรอบตัวก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ยาก โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับแฟน หรือคนรัก ปัญหาเรื่อง ED อาจทำให้เกิดความห่างเหินและความไม่เข้าใจกัน และยิ่งทำให้ความเครียดเพิ่มสูงขึ้น
  • ชีวิตเริ่มรวน การใช้ชีวิตประจำวันแย่ลงทั้งสุขภาพร่างกาย จิตใจ และทำงานก็ทำได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม ยิ่งถ้าปล่อยไว้นาน ๆ อาจกระทบการใช้ชีวิตในระยะยาวโดยไม่รู้ตัว

แนวทางการรับมือ:

  • ควรหยุดพักทุกสิ่งอย่างจริงจัง หากรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว การหยุดพักทั้งงานหรือหน้าที่ประจำวันลง คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ให้กลับมามีพลังชีวิตที่เป็นปกติ และอย่าคิดว่ามันคือความล้มเหลวในชีวิต
  • ปรับการใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ พยายามลดกิจกรรมหรือสิ่งที่สร้างแรงกดดันให้กับตัวเอง หันกลับมาทบทวนตัวเองช้า ๆ ว่า สิ่งไหนที่เรากำลังเครียด สิ่งที่เราสามารถวางมันลงได้
  • เข้ารับการดูแลและคำปรึกษาจากจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา คือ คนที่จะสามารถช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้นได้ และหาแนวทางที่จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิตได้อย่างปลอดภัยมากที่สุด
  • ปัญหา ED เกิดจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจที่ซับซ้อน การเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น ระดับฮอร์โมน หรือปัญหาหลอดเลือด และรับการรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ควรทำ

ผู้ชายหลาย ๆ คน ความเครียดอาจถูกเก็บซ่อนไว้เงียบ ๆ เพราะมักจะถูกสอนว่าเป็นผู้ชายต้องเข้มแข็ง อดทน และไม่ขี้บ่น แต่จริง ๆ แล้วการเก็บความเครียดและความอัดอั้นทุกอย่างไว้คนเดียว อาจยิ่งทำให้สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตพังโดยไม่รู้ตัว 

ความเครียดไม่เพียงแต่จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อระดับฮอร์โมน ความมั่นใจในการใช้ชีวิต และที่สำคัญ คือ สมรรถภาพทางเพศ ของผู้ชายในระยะยาวได้ การกล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองกำลังเครียดอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราเชื่อว่าในปัจจุบันการยอมรับว่าเรามีความเครียดนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย เพราะทุกคนล้วนมีสิ่งที่เครียดกันทั้งนั้น ถึงเวลาตรวจเช็คระดับความเครียดของตัวเอง เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับสภาพร่างกาย สภาพจิตใจและแนวทางการรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก่อนที่จะสายเกินไป