โรคอ้วนภัยเงียบที่ไม่ได้ทำลายแค่สุขภาพ แต่ทำให้ความเป็นชายของคุณน้อยลงด้วย

ผู้ชายหลายคนอาจเข้าใจว่า “โรคอ้วน” ส่งผลถึงแค่เรื่องน้ำหนักตัว รูปร่าง ความดัน ไขมัน หรือเบาหวานเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่า? ไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป อาจกำลังค่อย ๆ ทำให้ความเป็นชายของคุณลดลงโดยไม่รู้ตัว เพราะโรคอ้วนคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญของ ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction หรือ ED) ที่ผู้ชายไทยหลาย ๆ คนกำลังเจอโดยไม่ทันสังเกต

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกว่าโรคอ้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสมรรถภาพทางเพศอย่างไร? และอะไรคือสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม วิธีการดูแลสุขภาพตัวเองและวิธีการรับมือ เพื่อป้องกันทั้งโรคอ้วนและ ED ของตัวคุณเอง

 

โรคอ้วนเกี่ยวข้องกับภาวะ ED อย่างไรบ้าง?

1. ทำให้การไหลเวียนของเลือดแย่ลง

หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการแข็งตัวของอวัยวะเพศ คือ การไหลเวียนของเลือด ซึ่งโรคอ้วนจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดมีปัญหา เพราะจะมาพร้อมกับภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันเลือดสูง และเบาหวาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมหรือตีบลงเรื่อย ๆ เมื่อหลอดเลือดไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ดีพอ อวัยวะเพศก็จะไม่สามารถแข็งตัวได้เต็มที่ ซึ่งเป็นลักษณะของภาวะ ED

 

2. ไขมันทำให้ฮอร์โมนเพศชายลดลง

ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) คือ ฮอร์โมนเพศชายหลักที่มีส่งผลในเรื่องของความต้องการทางเพศ และการแข็งตัวของอวัยวะเพศ แต่เมื่อผู้ชายมีไขมันสะสมมากเกินไป โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าท้อง ไขมันเหล่านั้นจะรบกวนความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย โดยจะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายบางส่วนให้กลายเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่ง คือ ฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้ผลที่ตามมา คือ ระดับเทสโทสเทอโรนลดลง ความต้องการทางเพศก็ลดลง และส่งผลให้การแข็งตัวไม่ดีเหมือนเดิม

 

3. เสี่ยงต่อโรคเบาหวานและดื้อต่ออินซูลิน

โรคอ้วนส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน คือ ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของโรคเบาหวานโดยผู้ชายที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงเกิดภาวะ ED มากกว่าคนทั่วไปถึง 2–3 เท่า เนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงจะทำลายเส้นเลือดและเส้นประสาทที่ควบคุมการแข็งตัว

 

4.อาจเกิดภาวะอักเสบเรื้อรังในร่างกาย

คนที่มีไขมันในร่างกายสูงมักเกิดการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกาย ซึ่งจะรบกวนการทำงานของหลอดเลือด โดยเฉพาะการปล่อยสารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้หลอดเลือดขยายตัว และนำเลือดไปเลี้ยงอวัยวะได้เต็มที่ จึงทำให้การแข็งตัวลดลง

 

5.การสร้างกล้ามเนื้อยากขึ้น ระบบการเผาผลาญแย่ลง

หากคุณมีไขมันในร่างกายที่มากเกินไปส่งผลให้การสร้างกล้ามเนื้อยากขึ้น ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มที่ เมื่อมีกล้ามเนื้อน้อยร่างกายก็จะมีพลังงานได้น้อยลง น้ำหนักก็จะลดได้ยาก และกระบวนการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลงแบบไม่รู้ตัว

 

6.ส่งผลต่อความเครียดและความมั่นใจ

โรคอ้วนไม่ได้ส่งผลแค่กับร่างกาย แต่ยังส่งผลต่อจิตใจของผู้ชายด้วย เช่น ผู้ชายที่อ้วนอาจรู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง รู้สึกอายหรือกังวลเมื่อต้องเจอหน้ากับคู่รัก ซึ่งความไม่มั่นใจนี้ส่งผลโดยตรงต่อความต้องการทางเพศและการแข็งตัว นอกจากนี้ภาวะ ED เองก็อาจยิ่งทำให้ผู้ชายเกิดความเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า กลายเป็นวงจรที่ทำให้อาการโดยรวมแย่ลงเรื่อย ๆ หากไม่รีบหาทางที่จัดการอย่างถูกวิธี

 

พฤติกรรมที่ก่อให้ผู้ชายเกิดโรคอ้วน มีอะไรบ้าง?

ผลสำรวจจากกรมอนามัย พบว่าผู้ชายไทยมากกว่า 40% มีภาวะโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินเกณฑ์ โดยเฉพาะในช่วงวัยทำงานที่มีอายุ 30–50 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ควรมีสมรรถภาพทางเพศดีที่สุด แต่กลับมีรายงานว่าผู้ชายวัยนี้จำนวนไม่น้อยเริ่มประสบภาวะ ED โดยไม่ทราบสาเหตุ และมักไม่กล้าพูดถึง

โดยปัญหานี้อาจเกิดจากพฤติกรรมประจำวันเหล่านี้ เช่น

  • ทานอาหารที่มีไขมันสูงบ่อย เช่น ของทอด ฟาสต์ฟู้ด อาหารแปรรูป ที่อุดมด้วยไขมันทรานส์ และโซเดียม ส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดสูง เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ และทำให้หลอดเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของ ED
  • ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยที่แอลกอฮอล์ส่งผลต่อโดยตรงต่อการทำงานของตับ และลดการผลิตฮอร์โมนเพศชาย นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักและคุณภาพการนอนอีกด้วย
  • นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนน้อยหรือมีคุณภาพการนอนไม่ดี ทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลง ร่างกายเกิดความอ่อนล้า และเมื่ออ่อนเพลียก็จะมีโอกาสที่จะทำให้อยากกินอาหารความหวานหรือไขมันมากขึ้น
  • ไม่ได้ออกกำลังกาย การที่คุณขาดการออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อลดลง ระบบเผาผลาญแย่ลง ส่งผลให้ควบคุมน้ำหนักได้ยากขึ้น และทำให้พลังงานที่ใช้ตอนกิจกรรมทางเพศก็จะน้อยลงตามไปด้วย
  • ใช้ชีวิตอยู่กับความเครียดสะสม ความเครียดจะสัมพันธ์กับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่จะมายับยั้งการผลิตของฮอร์โมนเพศชาย ส่งผลต่อสมองในส่วนที่มาช่วยควบคุมอารมณ์และความต้องการทางเพศ

แนวทางการดูแลสุขภาพเพื่อไม่ให้เกิดโรคอ้วน มีอะไรบ้าง?

ความโชคดีของผู้ที่เกิดภาวะ ED โดยเกิดจากโรคอ้วนนั้น คือ สามารถรักษาได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพายามากนัก หากเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและดูแลสุขภาพอย่างจริงจังมากขึ้นด้วยวิธีการ ดังนี้

  • ลดน้ำหนักและไขมันในร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยาก คือ การกระทำ แต่หารู้ไม่ว่าเพียงแค่ลดน้ำหนักลง 5–10% จากเดิม ก็สามารถช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย และทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากตัวอย่างงานวิจัยหนึ่งของต่างประเทศพบว่า การลดน้ำหนักเฉลี่ย 15 กิโลกรัมสำหรับผู้ที่มีโรคอ้วนในเวลา 2 ปี ทำให้ชายที่มีภาวะ ED กว่า 30% ฟื้นฟูสมรรถภาพได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งยา

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น และยังเป็นการเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศ ทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น

  • หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงและน้ำตาล ลดอาหารประเภทของทอด อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารฟาสต์ฟู้ด และเพิ่มการกินผัก ผลไม้ โปรตีนที่ดี เช่น ปลา ไข่ หรือถั่ว เพื่อควบคุมไขมันในเลือด น้ำหนักและฮอร์โมนให้สมดุล

  • พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด การนอนหลับอย่างเพียงพออย่างร้อยวันละ 6–8 ชั่วโมง ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือ “ฮอร์โมนความเครียด” ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ และจากผลสำรวจพบว่าการนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง จะมีผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชายที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ช่วงเวลาตอนที่เรานอนเป็นช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ และระบบหลอดเลือด ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ

  • หยุดสูบบุหรี่และลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะ สารนิโคตินในบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตแย่ลง หลอดเลือดหดตัว ลดการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศ ส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลง และเร่งการเกิดภาวะ ED ในระยะยาวอีกด้วย

การลดน้ำหนักไม่ได้ช่วยแค่ในเรื่องของสุขภาพและภาวะ ED เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ซึ่งก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการมีเพศสัมพันธ์ที่ดี ผู้ชายจำนวนมากพบว่าหลังจากลดน้ำหนักได้สำเร็จตามเป้าที่ตัวเองตั้งไว้ช่วยให้แข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้น มีพลังงาน ความรู้สึกกระตือรือร้น และความสุขในชีวิตก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

แล้วเมื่อไหร่ควรเริ่มปรึกษาแพทย์?

หากคุณเป็นผู้ชายที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์หรืออ้วน และเริ่มมีปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศ แม้ว่าจะพยายามปรับพฤติกรรมแล้วแต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ควรเริ่มเข้ามารับคำปรึกษาและการประเมินจากแพทย์ เพราะอาการเหล่านี้อาจมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ โดยที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมน การไหลเวียนเลือดผิดปกติ หรือความเครียดเรื้อรัง ซึ่งในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาช่วยเสริมสมรรถภาพ หรือทางเลือกเพิ่มเติม เช่น การใช้ฮอร์โมนบำบัดหรือการรักษาภาวะโรคอ้วน เพื่อรักษาสุขภาพและการแข็งตัวให้ดีขึ้น