เทสโทสเตอโรน (Testosterone) คืออะไร?

เทสโทสเตอโรน (Testosterone) คือ ฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตโดยอัณฑะของผู้ชาย และในรังไข่ของผู้หญิงแต่ผลิตในปริมาณที่น้อยกว่า รวมถึงในต่อมหมวกไตของทั้งสองเพศด้วย เทสโทสเตอโรนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาลักษณะทางเพศและการทำงานของร่างกายหลายด้านจะมีอะไรบ้าง? ไปดูกัน!

 

ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ทำหน้าที่อะไร?

ในผู้ชาย:
  • การพัฒนาความเป็นผู้ชาย: ช่วยให้ร่างกายผู้ชายเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เช่น อวัยวะเพศเติบโตขึ้น เสียงแตก มีขนขึ้นตามร่างกายและใบหน้า
  • สร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรง: ช่วยส่งเสริมการสร้างโปรตีนให้กับร่างกาย ทำให้ผู้ชายมีกล้ามเนื้อที่ใหญ่และแข็งแรงกว่าผู้หญิงโดยธรรมชาติ
  • ดูแลกระดูกให้แข็งแรง: มีส่วนช่วยในการรักษาความแข็งแรงและความหนาแน่นของกระดูก และลดความเสี่ยงของภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุนได้
  • ช่วยในการผลิตอสุจิ: เป็นฮอร์โมนหลักที่จำเป็นต่อร่างกาย ในการผลิตอสุจิที่สมบูรณ์และมีคุณภาพ
  • เพิ่มความต้องการทางเพศ: มีผลอย่างมากต่อความต้องการทางเพศและสมรรถภาพทางเพศ และช่วยให้การทำงานทางเพศเป็นปกติ
  • ส่งผลต่อพลังงานและอารมณ์: ถ้า เทสโทสเตอโรน (Testosterone) อยู่ในระดับที่เหมาะสมผู้ชายจะรู้สึกกระฉับกระเฉง สดชื่น อารมณ์ดี แต่ถ้าต่ำเกินไป อาจรู้สึกเหนื่อยง่าย หงุดหงิด หรือซึมเศร้าได้
ในผู้หญิง:

แม้ผู้หญิงจะมีเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ในปริมาณน้อยกว่าผู้ชายมาก แต่ฮอร์โมนนี้ก็ยังมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของผู้หญิงในหลายด้าน เช่น

  • ความต้องการทางเพศ: ช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศและความพึงพอใจทางเพศในผู้หญิง
  • พลังงานและอารมณ์: ช่วยให้รู้สึกกระฉับกระเฉง อารมณ์ดี และลดความรู้สึกเหนื่อยล้า
  • ดูแลกระดูกให้แข็งแรง: มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างและรักษามวลกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุนได้

สาเหตุและผลกระทบเมื่อเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ผิดปกติมีอะไรบ้าง?

ระดับของเทสโทสเตอโรน (Testosterone) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต และปัญหาสุขภาพต่าง ๆ หากระดับฮอร์โมนนี้สูงหรือต่ำเกินไป อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนี้

 

ระดับต่ำกว่าปกติ

ในผู้ชายหากระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ต่ำกว่าปกติ อาจนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น:

  • ความต้องการทางเพศลดลง
  • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
  • มวลกล้ามเนื้อลดลง ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น
  • ความหนาแน่นของกระดูกลดลง เสี่ยงกระดูกพรุน
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดหรือซึมเศร้า

สาเหตุที่เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ต่ำกว่าปกติ อาจเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น (ซึ่งเป็นเรื่องปกติ) โรคเรื้อรัง การใช้ยาบางชนิด หรือปัญหาที่อัณฑะ

ระดับสูงกว่าปกติ:

ในผู้ชาย: โดยทั่วไปการมีเทสโทสเตอโรน (Testosterone) สูงเกินไปตามธรรมชาตินั้นพบไม่บ่อย แต่หากมีการใช้สารสังเคราะห์ เช่น สเตียรอยด์เพื่อเพิ่มฮอร์โมน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่น:

  • ปัญหาหัวใจและหลอดเลือด
  • ตับมีปัญหา ตับวาย
  • ปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น อารมณ์รุนแรงและพฤติกรรมก้าวร้าว

ในผู้หญิง: หากระดับเทสโทสเตอโรนสูงเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) ทำให้เกิดอาการ เช่น:

  • ขนขึ้นผิดปกติตามใบหน้าและร่างกาย
  • ผิวมัน เป็นสิว
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ

วิธีการรักษาระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone)ให้สมดุล

การรักษาระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ให้สมดุลเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยสามารถดูแลได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

  • ออกกำลังกายเป็นประจำ: โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน เช่น การยกเวท (Weight Training) ซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามินดี และสังกะสี ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยในการสร้างฮอร์โมน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนได้ดีขึ้น
  • ลดความเครียด: ความเครียดสะสมสามารถส่งผลให้ระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ลดลงได้
  • ควบคุมน้ำหนัก: ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมีความเกี่ยวข้องกับระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ที่ต่ำ

หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าอาจเกิดจากความไม่สมดุลของระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจเลือดและประเมินระดับฮอร์โมนอย่างแม่นยำ รวมถึงรับคำแนะนำการรักษาที่เหมาะสม

 

ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) จึงไม่ใช่ฮอร์โมนเพศชายเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจของทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีบทบาทต่อหลายระบบในร่างกาย และเป็นองค์ประกอบที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยรวมให้ดียิ่งขึ้น