รีวิวคุณภู เข้ารับบริการ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

รีวิวคุณภู เข้ารับบริการ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

ผู้ชายวัยทำงานธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากดูแลตัวเองให้ดีขึ้น

ชีวิตประจำวันมันทำให้หมดแรงจริง ๆ

ผมชื่อภูครับ เป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไป ทำงานแบบที่ใครหลายคนทำกัน เลิกงานค่ำ รถติด กลับถึงบ้านบางวันก็แทบจะหมดแรงจะทำอะไรแล้ว ถึงจะพยายามออกกำลังกายบ้างหลังเลิกงาน แต่ยิ่งทำไปก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายมันไม่ค่อยตอบสนอง ยกเวทได้ไม่สุด เหนื่อยง่าย ฟื้นตัวช้า แล้วกล้ามก็ไม่ขึ้นสักที

เลยเริ่มรู้สึกว่า ถ้าเราตั้งใจดูแลตัวเองขนาดนี้แล้ว ยังไม่เห็นผล อาจถึงเวลาที่ต้องหาตัวช่วยบางอย่าง ที่ปลอดภัย และอยู่ในการดูแลของแพทย์จริงจัง

ทำไมถึงเลือก M Clinic?

ผมเคยเห็นรีวิวความเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลจากช่องทางออนไลน์ M Clinic กับโปรแกรม M Shot Testosterone ผมเลยลองนัดเข้ามาปรึกษาที่ M Clinic เพราะรู้สึกว่าน่าเชื่อถือ แล้วก็ชอบที่มีการตรวจเลือดก่อนเริ่มการรักษา

คุณหมออธิบายทุกอย่างละเอียดดีครับ ตั้งแต่การตรวจระดับฮอร์โมน ไปจนถึงแผนการฉีดที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผม ทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้นมาก

 

ขั้นตอนการรักษาที่มั่นใจได้

  1. นัดเข้าพบแพทย์และตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน
  2. รอฟังผล 24–48 ชม.
  3. ถ้าร่างกายพร้อม เริ่มฉีด M Shot ได้เลย
  4. ฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมทั้งหมด 5 ครั้ง
  5. มีการวัดค่า InBody ทุกครั้ง เพื่อดูพัฒนาการจริง ๆ
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle

เริ่มเห็นผลตอนเข็มที่ 3–4

ตอนเข็มแรก ๆ ก็ยังไม่รู้สึกอะไรชัดเจนหรอกครับ แต่พอเข้าสู่เข็มที่ 3–4 เท่านั้นแหละ ผมเริ่มรู้เลยว่าร่างกายมันเปลี่ยนจริง เวลายกเวทคือไหวขึ้นมาก เหนื่อยน้อยลง นอนหลับลึกขึ้น ตื่นมาก็รู้สึกสดชื่นกว่าก่อนหน้านี้เยอะ และที่สำคัญ กล้ามเนื้อมันเริ่มชัดขึ้นแบบเห็นได้ด้วยตาเลย

#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle

ความมั่นใจที่ได้มากกว่ากล้าม

สิ่งที่ผมชอบมากคือ M Clinic ให้ความสำคัญกับกางวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการ ทุกขั้นตอนอยู่ในการควบคุมของแพทย์  มันช่วยให้ผมไม่รู้สึกกังวลที่จะเข้ารับบริการ M Shot Testosterone 

ผมไม่ได้อยากตัวใหญ่แบบนักกล้ามครับ แค่รู้สึกว่าอยากให้ร่างกายรูปร่างกล้ามเนื้อมันดีขึ้น แข็งแรงขึ้น และตอบสนองกับการออกกำลังกายได้ดี 

สรุป…คุ้มไหม?

ส่วนตัวผมคิดว่าคุ้มครับ เพราะเราลงทุนกับร่างกายเราเอง และมันได้ผลจริง ไม่ใช่แค่รูปร่างที่ดีขึ้น แต่สุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้นตามมาด้วยครับ โดยเฉพาะเรื่องแรง ความสดชื่น และการนอนหลับ

ถ้าใครกำลังเจอปัญหาแบบผม ดูแลตัวเองแล้วแต่ไม่เห็นผล ลองแวะมาปรึกษาคุณหมอดูก่อนได้ครับ บางทีแค่มีมืออาชีพคอยช่วยดูแล มันก็เปลี่ยนอะไรได้มากเลยจริงๆครับ

ผู้ชายวัยทองยุคใหม่ต้องไม่ปล่อยให้ร่างพัง

“วัยทองผู้ชาย” ไม่ใช่แค่เรื่องของอายุ แต่คือจุดเปลี่ยนของสุขภาพที่ต้องรับมือให้ทัน

เมื่อผู้ชายก้าวสู่วัย 40 ปีขึ้นไป หลายคนอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์ เช่น เหนื่อยง่าย เครียดง่าย มวลกล้ามเนื้อลดลง หรือแม้แต่สมรรถภาพทางเพศที่ถดถอย ปัญหาเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “วัยทองผู้ชาย” หรือที่เรียกว่า Andropause ซึ่งเป็นภาวะที่ระดับฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ลดลง

วัยทองผู้ชาย คืออะไร? Andropause หรือ Male Menopause คือ ภาวะที่ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกายลดลง ส่งผลให้เกิดอาการทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ซึ่งคล้ายกับวัยทองของผู้หญิง โดยมักพบในผู้ชายอายุประมาณ 40-55 ปีขึ้นไป และจะเกิดช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับพันธุกรรม การใช้ชีวิต และสุขภาพโดยรวม

#สุขภาพผู้ชาย #วัยทอง #ED #ฮอร์โมน #อาหารเสริม #สุขภาพ #Men #สูงวัย

10 สัญญาณเตือนเมื่อเข้าสู่วัยทองผู้ชาย

  1. เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียตลอดวัน
  2. อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
  3. สมรรถภาพทางเพศลดลง
  4. นอนหลับไม่สนิท หลับยาก
  5. น้ำหนักขึ้น ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง
  6. มวลกล้ามเนื้อลดลงแม้มีการออกกำลังกาย
  7. ความจำไม่ดี สมาธิสั้น
  8. ขาดแรงจูงใจ ไม่กระตือรือร้น
  9. ผิวพรรณแห้ง หย่อนคล้อย
  10. รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนเดิม

หากคุณมีอาการเหล่านี้มากกว่า 3 ข้อขึ้นไป อาจเป็นสัญญาณของภาวะฮอร์โมนเพศชายลดลง และควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ




#สุขภาพผู้ชาย #วัยทอง #ED #ฮอร์โมน #อาหารเสริม #สุขภาพ #Men #สูงวัย
ปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นวัยทองให้มาเร็วขึ้น
  • อายุที่มากขึ้น
  • พันธุกรรมจากครอบครัว
  • ความเครียดสะสม
  • การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
  • การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
  • ภาวะอ้วน ไขมันในร่างกายสูง
  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง

ตรวจเช็กได้อย่างไรว่าเข้าวัยทองแล้ว? การวินิจฉัยภาวะวัยทองของผู้ชาย ต้องอาศัยการซักประวัติ อาการ และการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Total / Free Testosterone) รวมถึงฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง เช่น LH, FSH, PSA, HCT และค่าการทำงานของตับ

 

แนวทางดูแลจาก M Clinic: ฟื้นฟูวัยทองผู้ชายแบบองค์รวม
  • ✅ ตรวจวิเคราะห์ฮอร์โมนเพศชายอย่างละเอียด (Testosterone / LH / PSA ฯลฯ)
  • ✅ วางแผนฟื้นฟูสุขภาพร่วมกับแพทย์เฉพาะทางเฉพาะบุคคล
  • ✅ โปรแกรม M Shot Testosterone เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนอย่างปลอดภัย
  • ✅ IV Drip สูตรเฉพาะสำหรับฟื้นฟูร่างกาย บำรุงตับ และเสริมภูมิคุ้มกัน
  • ✅ โปรแกรมเสริมสมรรถภาพทางเพศ (M Focused Shockwave Therapy) ที่ไม่ต้องผ่าตัด
  • ✅ โปรแกรมกระตุ้นกล้ามเนื้อและลดไขมัน (M Abs Tesla Sculpt) สำหรับคนที่ออกกำลังกายแล้วเห็นผลช้า

ผู้ชายวัยทองยุคใหม่…ต้องไม่ปล่อยให้ร่างพัง! หากรู้ทันและวางแผนดูแลอย่างถูกวิธี คุณสามารถกลับมามีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจได้อย่างมั่นใจ

M Clinic พร้อมดูแลสุขภาพคุณผู้ชายด้วยทีมแพทย์และเทคโนโลยีเฉพาะทาง คลินิกเฉพาะทางด้านสุขภาพและฟื้นฟูสมรรถภาพสำหรับผู้ชาย โดยทีมแพทย์และพนักงานชายล้วน ให้บริการแบบเป็นส่วนตัว

ปรับสมดุลฮอร์โมน ฟื้นฟูสุขภาพ คืนความมั่นใจให้คุณผู้ชายอีกครั้ง

เปรียบเทียบ M Focused Shockwave และ M Bocox®

เปรียบเทียบ M Focused Shockwave และ M Bocox®

2 โปรแกรมเด่นที่ช่วยฟื้นฟูสรรมถภาพช่วงล่างสำหรับผู้ชายที่ M Clinic 

เมื่ออายุเพิ่มขึ้นสุขภาพร่างกายก็ต้องเปลี่ยนแปลง รวมถึงสุขภาพทางเพศด้วย ซึ่งกระทบโดยตรงต่อความมั่นใจของผู้ชาย และยังส่งผลถึงคุณภาพชีวิตรวมถึงความสัมพันธ์อีกด้วย ปัจจุบันมีผู้ชายหลายคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพทางเพศ ไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น การตื่นตัวที่ลดลง ความแข็งแรงที่ไม่เหมือนก่อน มีภาวะเรือล่มปากอ่าว หรือ นกเขาไม่ขัน

 

M Clinic เราเป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญในด้านการดูแลสุขภาพคุณผู้ชายโดยเฉพาะ จึงมุ่งเน้นการพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อรักษาได้อย่างตรงจุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเพื่อการรักษาที่ไม่ต้องพึ่งยาแบบเดิมอีกต่อไป  M Clinic มีโปรแกรมให้ผู้เข้ารับบริการเลือกตามความต้องการและตามความรุนแรงของปัญหา ซึ่ง 2 โปรแกรมเด่นที่แนะนำ คือ M Focused Shockwave Therapy และโปรแกรม M Bocox® วันนี้จะมาดูความแตกต่างของแต่ละโปรแกรมกันครับ ว่าใครจะเหมาะกับโปรแกรมไหน เพื่อการรักษาอย่างตรงจุดของแต่ละบุคคล

 

ก่อนอื่นมาทำเข้าใจภาวะ ED (Erectile Dysfunction) 

ภาวะ ED ( Erectile Dysfunction ) คือ ภาวะหย่อนสมรรถภาพช่วงล่าง คือการที่ผู้ชายมีปัญหาสุขภาพทางเพศที่ไม่ดีพอหรือมีการตื่นตัวที่น้อยลง หรือการที่มีกิจกรรมไม่สำเร็จ สาเหตุที่เกิดภาวะ ED มีหลายปัจจัย ทั้งด้านร่างกาย เช่น โรคประจำตัวที่ส่งผลต่อสุขภาพช่วงล่าง ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดได้ไม่ดี และปัจจัยทางด้านจิตใจ ไม่ว่าจะความเครียด วิตกกังวล ไปจนถึงภาวะซึมเศร้าก็ส่งผลต่อสุขภาพช่วงล่างได้

 

สรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะ ED

🔹 โรคประจำตัวที่เป็นอยู่ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี เช่น โรคเบาหวาน และความดัน

🔹 มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ฮอร์โมน testosterone ต่ำกว่าปกติ เลยส่งผลต่อสุขภาพทางเพศ

🔹ปัญหาทางด้านจิตใจก็เป็นส่วนที่ส่งผลต่อสุขภาพทางเพศได้ เช่น ความเครียดสะสม การวิตกกังวล และภาวะโรคซึมเศร้า

🔹โรคเฉพาะทาง Peyronie’s Disease (องคชาติคดงอ) โรคนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพชีวิตทางเพศได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ควรปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาที่ตรงจุด

M Focused Shockwave Therapy 

การรักษาบำบัดด้วยคลื่นกระแทกพลังงานต่ำ ( Low-Intensity Focused Shockwave Therapy ) เป็นการรักษาอีกวิธีที่มีความนิยมระดับสากล และมีงานวิจัยรองรับ โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงเข้าไปกระตุ้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณช่วงล่าง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดขึ้นใหม่ตามธรรมชาติ

 

จุดเด่นของ M Focused Shockwave:
  • ไม่ต้องใช้ยา ไม่มีแผล หลังทำสามารถใช้งานได้เลย
  • ไม่มีผลข้างเคียง หลังเข้ารับบริการไม่ต้องพักฟื้น
  • เป็นหัตถการที่เหมาะกับมือใหม่ผู้เริ่มต้น อยากเพิ่มความมั่นใจ
  • ใช้เครื่องมือที่ได้รับการรับรองและทันสมัย มีการปรับค่าพลังงานให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
  • ทำตามงานวิจัยทางการแพทย์ เพื่อผลลัพธ์

 

M Focused Shockwave Therapy เป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ชายที่ยังมีการตื่นตัวได้ แต่มีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม หรือการตื่นตัวได้ไม่เหมือนแต่ก่อน รวมถึงคนที่ไม่มีปัญหา ก็สามารถมาฟื้นฟูเพื่อคงความฟิตของช่วงล่างพร้อมเพิ่มสมรรถภาพได้ดีมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับคนที่มีปัญหาไม่สามารถแข็งตัวได้เลยแนะนำให้ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน

 

M Bocox® 

M Bocox® เป็นอีกหัตถการที่ใช้ Botulinum Toxin หรือ Botox ในการนำมาฉีดบริเวณช่วงล่างเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดีขึ้น จากการคลายกล้ามเนื้อในแกนของอวัยวะคุณผู้ชาย ซึ่งจะส่งผลให้การไหลเวียนเลือดเข้าไปในอวัยวะได้ดีมากยิ่งขึ้น และเมื่อกล้ามเนื้อฟองน้ำคลายตัวออกจะส่งผลให้มีการขยายขนาดของน้องชายเพิ่มขึ้น ใหญ่ขึ้น และด้วยส่วนผสมพิเศษของ M Bocox®  จะทำให้การตื่นตัวของช่วงล่างก็จะมีคุณภาพที่ดี ทนมากขึ้น สามารถทำกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

จุดเด่นของ M Bocox®:
  • ✅ ช่วยในเรื่องความตื่นตัวได้นานขึ้น แข็งแรงมากขึ้น
  • ✅กล้ามเนื้อฟองน้ำคลายตัวทำให้เพิ่มขนาดของอวัยวะได้
  • ✅ เป็นหัตถการที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ได้ลองทำมาหลายวิธีมาแล้วยังไม่เห็นผล
  • ✅ เห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไปภายใน 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล
  • ✅ เป็นหัตถการที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

 

M Bocox® เป็นโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาช่วงล่าง คนที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว คนที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพเพศ การตื่นตัว และทำให้หมดความมั่นใจเวลาทำกิจกรรม M Bocox® เป็นอีกตัวช่วยได้

 
แล้วควรเลือกโปรแกรมไหน? M Focused Shockwave หรือ M Bocox®

โปรแกรมหรือหัตถการที่ต้องการฟื้นฟูสมรรถภาพช่วงล่างควรพิจารณาจากปัญหาสุขภาพช่วงล่างของแต่ละบุคคล อีกทั้งระดับอาการของภาวะ ED ที่แตกต่างกันออกไปรวมถึงความรุนแรงของอาการ

  • ระดับเริ่มต้นหรือไม่มีอาการ หากรู้สึกว่าสุขภาพช่วงล่างยังใช้งานได้ตามปกติ หรือมีปัญหาไม่มากนัก อยากเพิ่มความมั่นใจในเรื่องสุขภาพทางเพศ M Focused Shockwave Therapy ถือเป็นหัตถการเริ่มต้นที่ดี เพราะไม่มีเข็ม ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้งานต่อได้เลย และยังเป็นการฟื้นฟูจากภายใน ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นในระยะยาวได้
  • ระดับที่มีปัญหาไปจนถึงมีปัญหาขั้นรุนแรง หากมีอาการที่ไม่สามารถตื่นตัวได้ หรือตื่นตัวได้บ้าง และได้รับการรักษาอย่างอื่นมาแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ หรือไม่ตอบโจทย์ M Bocox® เป็นอีกหัตถการที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีขึ้น และเพิ่มความมั่นใจ ให้กลับมาดีขึ้น

M Holetox – โบ-ท็อกซินด้านหลัง ทางเลือกในการลดปัญหาแผลปริขอบทวารหนัก

M Holetox – โบ-ท็อกซินด้านหลัง

ทางเลือกในการลดปัญหาแผลปริขอบทวารหนัก

แผลปริขอบทวารหนักคืออะไร?

แผลปริที่ทวารหนัก (Anal Fissure) คือรอยฉีกขาดเล็ก ๆ บริเวณเยื่อบุทวารหนัก ซึ่งมักเกิดจาก:
✅ อาการท้องผูก
✅ การเบ่งอุจจาระแรงเกินไป
✅ ท้องเสียเรื้อรัง

อาการของแผลปริขอบทวารหนักมักรวมถึง อาการปวดรุนแรงและเลือดออก โดยเฉพาะเวลาถ่ายอุจจาระ แม้ว่าการรักษาเบื้องต้น เช่น การปรับอาหาร เสริมใยอาหาร หรือการใช้ยาทาภายนอก อาจช่วยบรรเทาได้ แต่ในบางกรณีอาจต้องใช้วิธีการรักษาที่ก้าวหน้าขึ้น

 

โบ-ท็อกซินช่วยลดปัญหาแผลปริขอบทวารหนักได้อย่างไร?

โบ-ท็อกซิน (Botulinum toxin) เป็นสารที่ช่วย ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว โดยการปิดกั้นสัญญาณประสาท

🩺 เมื่อฉีดโบ-ท็อกซินเข้าไปที่ กล้ามเนื้อหูรูดภายในของทวารหนัก (Internal Anal Sphincter) จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดแรงกดในทวารหนัก ทำให้แผลสมานตัวเองได้ง่ายขึ้น

 

ข้อดีของโบ-ท็อกซินในการลดปัญหาแผลปริขอบทวารหนัก

✔️ ไม่ต้องผ่าตัด – ต่างจากการผ่าตัดกล้ามเนื้อหูรูด (Lateral Internal Sphincterotomy) ที่ต้องมีการกรีดแผลโบ-ท็อกซินเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด

✔️ บรรเทาอาการปวดอย่างรวดเร็ว – โบ-ท็อกซินช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการเกร็ง ทำให้ความเจ็บปวดลดลงภายในไม่กี่วัน

✔️ อัตราความสำเร็จสูง – งานวิจัยพบว่าโบ-ท็อกซินสามารถช่วยรักษาแผลปริขอบทวารหนักเรื้อรังได้ 

✔️ ความเสี่ยงของภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้ต่ำกว่าการผ่าตัด – การฉีดโบ-ท็อกซินไม่มีผลกระทบถาวรต่อกล้ามเนื้อหูรูด ลดโอกาสเกิดภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้ที่พบได้ในบางรายที่ผ่าตัด

✔️ ฟื้นตัวได้เร็ว – ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ ภายใน 1-2 วันหลังฉีดโบ-ท็อกซิน

 

ขั้นตอนการฉีดโบ-ท็อกซิน: คาดหวังอะไรได้บ้าง?

การฉีดโบ-ท็อกซินเป็นหัตถการที่ทำในคลินิกแบบผู้ป่วยนอก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที มีขั้นตอนดังนี้

🔹 อาจใช้ ยาชาเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บ
🔹 แพทย์จะฉีดโบ-ท็อกซิน ปริมาณ 20-100 ยูนิต เข้าไปที่กล้ามเนื้อหูรูดภายใน
🔹 ผลของโบ-ท็อกซินจะเริ่มเห็นผล ภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์ และแผลมักสมานตัวเต็มที่ภายใน 6-8 สัปดาห์

 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าโบ-ท็อกซินจะปลอดภัย แต่บางคนอาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น

⚠️ ภาวะกลั้นอุจจาระหรือแก๊สไม่ได้ชั่วคราว – มักหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์
⚠️ อาการปวดหรือบวมเล็กน้อย บริเวณที่ฉีด
⚠️ อาการแพ้ (พบได้น้อยมาก)

 

โบ-ท็อกซินเหมาะกับคุณหรือไม่?

✅ หากคุณมีแผลปริขอบทวารหนัก เรื้อรัง และ ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม โบ-ท็อกซินอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ

❌ แต่หากโบ-ท็อกซินไม่ได้ผลแม้ฉีดซ้ำหลายครั้ง การผ่าตัดอาจเป็นตัวเลือกสุดท้าย

 

สรุป

โบ-ท็อกซินเป็นทางเลือกที่ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และไม่ต้องผ่าตัด ในการรักษาแผลปริขอบทวารหนัก โดยช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อหูรูด บรรเทาอาการปวด และเร่งการสมานแผล

หากคุณกำลังประสบปัญหา แผลปริขอบทวารหนัก ควร ปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาว่าโบ-ท็อกซินเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง : คุณเต้ กับประสบการณ์ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง : คุณเต้ กับประสบการณ์ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

สวัสดีครับ ผมเต้ อายุ 38 ปี เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ผมออกกำลังกายและยกน้ำหนักเป็นประจำมาตลอด แต่ช่วงปีที่ผ่านมา รู้สึกว่ารูปร่างไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ทั้งที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พลังงานก็ลดลง กล้ามเนื้อก็ไม่ขึ้นเหมือนแต่ก่อน

 

ผมจึงเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับฮอร์โมนและสนใจลองทำ M Shot Testosterone เพื่อช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อและปรับรูปร่างให้ดีขึ้น ผมเข้ารับบริการที่ M Clinic โดยเริ่มจากการปรึกษาคุณหมอและตรวจเลือดเพื่อเช็กระดับฮอร์โมนและความปลอดภัยก่อน คุณหมอจะตรวจวัดค่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการเข้ารับบริการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

 

หลังจากฉีดไป 5 ครั้ง ช่วง 2 ครั้งแรกยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่พอครั้งที่ 3 ผมรู้สึกได้เลยว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น มีแรงมากขึ้น รู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น สามารถยกน้ำหนักได้มากขึ้นกว่าเดิม

#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle

เมื่อไปวัดมวลกล้ามเนื้อที่ยิม ก็เห็นได้ชัดเลยว่ามวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นจริง นอกจากนี้ เพื่อน ๆ และครอบครัวก็เริ่มทักว่ารูปร่างดูหนาขึ้น ดูล่ำขึ้น มีกล้ามมากกว่าเดิม นอกจากผลลัพธ์ที่ได้เห็นกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นแล้ว ไขมันก็ลดลงด้วย และสิ่งที่ทำให้ผมสบายใจมากคือ ตลอดการเข้ารับบริการ ผมไม่พบผลข้างเคียงใด ๆ เลย

#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle

สำหรับใครที่สนใจอยากปรับรูปร่างหรือเพิ่มกล้ามเนื้อ ผมแนะนำมาก ๆ ให้มาที่ M Clinic เพราะที่นี่ดูแลดีมาก มีการตรวจเลือดและปรึกษากับคุณหมอก่อนตัดสินใจ ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและเหมาะกับเราหรือไม่

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง คุณโจ กับประสบการณ์ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง: คุณโจ กับประสบการณ์ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

สวัสดีครับ ผมโจครับ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์การเข้ารับบริการ M Shot Testosterone ที่ M Clinic ครับ สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มพลังและเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างปลอดภัย หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ครับ

เหตุผลที่เลือกใช้บริการ M Shot Testosterone

ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และก็หยุดไปแล้วอยากกลับมาดูแลตัวเองอีกครั้งแต่ครั้งนี้รู้สึกว่าพัฒนาการของกล้ามเนื้อไม่ค่อยมาสักที น้ำหนักตัวคงที่ ไขมันก็ยังไม่ลดลงอย่างที่หวัง ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า ฟื้นตัวช้า และไม่มีแรงกระตุ้นในการออกกำลังกาย ผมเริ่มค้นหาวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและเสริมพละกำลัง จนได้รู้จักกับบริการ M Shot Testosterone ของ M Clinic ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผมอย่างมาก

ขั้นตอนการเริ่มต้นโปรแกรม

ก่อนเริ่มโปรแกรม ผมต้องเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อประเมินระดับฮอร์โมนและสุขภาพโดยรวม คุณหมออธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจเลือด เช่น การดูค่าฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone), ค่าความเข้มข้นของเลือด (Hematocrit), และการทำงานของตับและไต เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายพร้อมรับการรักษาและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงต่าง ๆ

หลังจากผลตรวจเลือดออก คุณหมอได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผม โดยแนะนำให้ทำโปรแกรม M Shot ต่อเนื่องทั้งหมด 10 ครั้ง โดยมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิดในทุกครั้งที่เข้ารับบริการ

ประสบการณ์หลังการรับบริการ

หลังจากการฉีดครั้งแรก ผมเริ่มรู้สึกถึงพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ร่างกายฟื้นตัวไวขึ้นและสามารถยกเวทได้หนักขึ้นกว่าเดิมแบบไม่เหนื่อยง่าย พอถึงการฉีดครั้งที่ 3 และ 4 ผมเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นจากการเปรียบเทียบผล Inbody ค่าไขมันลดลงและมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นจริง ๆ

#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle

ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะทำแค่ 5 ครั้งเพื่อดูผลลัพธ์ก่อน แต่เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงตัดสินใจทำโปรแกรมต่อจนจบครบ 10 ครั้งเลยครับ ทุกครั้งที่มาที่ M Clinic จะมีการถ่ายรูปร่างกายอัปเดตอยู่เสมอ ทำให้เห็นพัฒนาการของตัวเองอย่างชัดเจนและเป็นกำลังใจในการดูแลสุขภาพต่อไป

#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle
#Testosterone #เพิ่มมวลกล้าม #เพิ่มกล้าม #กล้าม #muscle

ประสบการณ์การใช้บริการที่ M Clinic

บรรยากาศที่ M Clinic เป็นกันเองมากครับ พนักงานทุกคนเป็นผู้ชาย ทำให้รู้สึกสบายใจและมั่นใจในการเข้ารับบริการ คุณหมอและทีมงานให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกขั้นตอนตั้งแต่การให้คำปรึกษา การตรวจเลือด ไปจนถึงการฉีดฮอร์โมน ล้วนมีความปลอดภัยและเป็นมืออาชีพมาก ๆ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็สะอาดและทันสมัย ทุกครั้งที่เข้ารับบริการรู้สึกว่าทุกอย่างได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

ฝากถึงคนที่สนใจใช้บริการ M Shot Testosterone

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มพละกำลัง เสริมสร้างกล้ามเนื้อ หรือแม้กระทั่งปรับสมดุลฮอร์โมนให้ดีขึ้น ผมขอแนะนำ M Shot Testosterone ที่ M Clinic เลยครับ เพราะที่นี่ให้บริการอย่างมืออาชีพ ปลอดภัย และเห็นผลจริง ผมเองสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง ความฟิตของร่างกาย และรูปลักษณ์ที่ดูดีขึ้นอย่างชัดเจน

ถ้าคุณกำลังลังเลอยู่ ลองปรึกษากับทีมแพทย์ที่ M Clinic ดูนะครับ รับรองว่าคุณจะได้รับคำแนะนำและการดูแลอย่างดีที่สุดแน่นอนครับ

ฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเองเสี่ยงเป็นหมันหรือไม่?

ฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเองเสี่ยงเป็นหมันหรือไม่?

การฉีดฮอร์โมนกลายเป็นวิธีที่หลายคนสนใจเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เพิ่มกล้ามเนื้อ หรือปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่าการฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงและผลกระทบร้ายแรงเช่น การเป็นหมัน การเสพติดฮอร์โมน และผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว 💬

 

1. ความเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก (เป็นหมัน)

การฉีดฮอร์โมนโดยขาดการวางแผนที่เหมาะสม เช่น ไม่มีการใช้ยาเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบฮอร์โมนตามธรรมชาติ (Post Cycle Therapy – PCT) อาจทำให้ร่างกายหยุดผลิตฮอร์โมนเองตามธรรมชาติ ส่งผลให้จำนวนอสุจิลดลงหรือถึงขั้นเป็นหมันได้

 

2.ปัญหาน้ำอสุจิน้อย

การฉีดฮอร์โมนที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุม อาจลดปริมาณน้ำอสุจิ เพราะร่างกายถูกกดการทำงานของอัณฑะ ฮอร์โมนที่มากเกินไปทำให้ร่างกายเสียสมดุลและระบบสืบพันธุ์ทำงานผิดปกติ

 

3.การเสพติดการใช้ฮอร์โมน

เมื่อเริ่มต้นใช้ฮอร์โมน ร่างกายจะรู้สึกถึงพลังงานและสมรรถภาพที่ดีขึ้น แต่เมื่อหยุดฉีด หลายคนอาจรู้สึกว่าร่างกายแย่ลง ไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้ ทำให้ต้องฉีดฮอร์โมนอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นการเสพติดการใช้ฮอร์โมน

 

4.ผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมน

การฉีดฮอร์โมนที่ไม่มีการวางแผนหรือการจัดการวงจรที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น สิวขึ้นหนัก,อารมณ์แปรปรวน,ระบบการเผาผลาญผิดปกติ,ปัญหาตับและไตจากการสะสมของสารพิษ

 

5.ยาถอย (PCT)

หลังจากการใช้ฮอร์โมน ร่างกายต้องการการฟื้นฟูระบบฮอร์โมนธรรมชาติ การมียาถอย เช่น Clomiphene หรือ HCG ช่วยให้ระบบฮอร์โมนกลับมาทำงานได้ปกติ และลดความเสี่ยงในการเกิดหมันและผลกระทบระยะยาว

 

ข้อแนะนำ

การใช้ฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อวางแผนการใช้ยาอย่างเหมาะสม ควรตรวจสอบระดับฮอร์โมนในร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การตรวจเลือดก่อนเริ่มต้นใช้ฮอร์โมนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ 

 

การฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเองอาจดูสะดวกและรวดเร็ว แต่ในระยะยาวอาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพที่แก้ไขยาก ดังนั้น หากคุณกำลังพิจารณาการฉีดฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ยั่งยืน




รีวิวการฉีดฮอร์โมนเพิ่มกล้ามจากคุณเบิร์ดเข้ารับบริการ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

ดูแลรูปร่างให้พร้อมกับงาน Festival ช่วงสิ้นปีด้วย M Shot Testosterone ที่ M Clinic

ผมเป็นเทรนเนอร์และ therapist ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เรื่องรูปร่างไม่ต้องพูดถึง แต่ช่วงหลัง ๆ รู้สึกว่าหุ่นตัน ๆ ไม่พัฒนาขึ้นเลย เลยเริ่มหาวิธีช่วยเสริม จริง ๆ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนมาพอสมควร แต่ก็ยังแอบกังวลหลายเรื่อง โดยเฉพาะผลข้างเคียง เช่น สิวและสภาพผิว เพราะผมเป็นนายแบบและมีงานที่ต้องโชว์รูปร่าง Body หากเกิดปัญหาด้านนี้ขึ้นมาจะกระทบงานได้ ทำให้ผมต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ

 

จนกระทั่งได้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่ M Clinic สิ่งแรกที่สัมผัสได้เลยคือ ทั้งพนักงานและคุณหมอให้ข้อมูลครบถ้วน ทำให้ผมสบายใจและมั่นใจมากขึ้น จึงตัดสินใจลองใช้บริการ

 

ก่อนเริ่มบริการ M Shot Testosterone จะต้องตรวจวัดระดับฮอร์โมนก่อน เพื่อเช็คว่าค่าต่าง ๆ ในร่างกายพร้อมรับฮอร์โมนหรือไม่ ใช้เวลาไม่นานครับ มาตรวจวันนี้ พรุ่งนี้ก็ทราบผลเลย ซึ่งผลออกมาคือ ผมสามารถเข้ารับบริการได้ คุณหมอแนะนำให้ทำทั้งหมด 5 ครั้ง โดยจะฉีดทุกสัปดาห์ และในแต่ละครั้งก็จะวัดค่า InBody เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

ผลลัพธ์เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ครั้งที่ 3 ผมเห็นพละกำลังในการออกกำลังกายที่มากขึ้น คนรอบตัวก็ทักกันเยอะมากว่าตัวใหญ่ขึ้น กล้ามอกและกล้ามแขนแน่นขึ้น สิ่งที่ชัดเจนอีกอย่างคือเสื้อผ้า เริ่มใส่แล้วฟิตขึ้น ซึ่งผมประทับใจมาก เพราะกล้ามเนื้อที่ตั้งเป้าไว้สามารถทำได้สำเร็จ ที่สำคัญ ผลข้างเคียงที่กังวลตอนแรก เช่น สิวหรือปัญหาผิว ไม่มีเลยครับ ทุกอย่างราบรื่นดีมาก

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการเพิ่มกล้ามเนื้อ ผมขอแนะนำ M Shot Testosterone ที่ M Clinic ครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน!

รีวิวคุณ Stevan M Focused Shockwave Therapy ที่ M Clinic

รีวิวคุณ Stevan M Focused Shockwave Therapy ที่ M Clinic

สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อสตีเวน วันนี้ผมอยากมาแชร์ประสบการณ์การทำ M Focused Shockwave Therapy ที่ M Clinic ประเทศไทยให้ฟังกันครับ

 

การรักษานั้นยอดเยี่ยมมาก ๆ ทุกอย่างราบรื่นและรวดเร็วโดยไม่มีความเจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียว ผมคิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใครก็ตามที่อยากดูแลตัวเอง โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถภาพทางเพศ เพราะเรื่องความปลอดภัยสำคัญมาก แต่หลังจากทำ Shockwave Therapy ผมรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเสร็จก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ“

 

ก่อนมาทำ ผมเพิ่งได้ยินเรื่องนี้มาไม่นานนัก และก็ไม่ได้รู้อะไรมาก ยอมรับว่ารู้สึกประหม่านิดหน่อย แต่พอมาถึง M Clinic ผมสบายใจขึ้นทันทีเมื่อพบว่าพนักงานทุกคนเป็นผู้ชาย ซึ่งช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก พวกเขาอธิบายขั้นตอนทุกอย่างอย่างละเอียด ทำให้ผมเข้าใจและมั่นใจมากขึ้น

 

การดูแลเอาใจใส่ที่นี่ประทับใจสุด ๆ ผมอยากแนะนำให้ทุกคนลองมาสัมผัสด้วยตัวเองครับ การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ชายทุกวัย ไม่ว่าจะอายุน้อยหรือมาก และยังช่วยให้ชีวิตเซ็กซ์ดีขึ้นอีกด้วย

 

ด้วยความที่ผมเป็นนายแบบในกรุงเทพฯ ที่อากาศค่อนข้างร้อน ผมต้องใส่แค่กางเกงชั้นในหรือชุดว่ายน้ำอยู่บ่อย ๆ ที่ M Clinic ช่วยให้ผมมั่นใจได้ว่าน้องชายของผมจะดูดีอยู่เสมอ ซึ่งสำคัญมากในงานของผมครับ!

 

ทำไมต้องฉีดฮอร์โมนทุก 7 วัน?

ทำไมต้องฉีดฮอร์โมนทุก 7 วัน?

 

โปรแกรม M Shot Testosterone เป็นการใช้ฮอร์โมนระยะสั้น หรือที่เรียกว่า Short-acting hormones ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนในปริมาณที่พอเหมาะ และสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อให้ระดับฮอร์โมนอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและคงที่ คุณจึงต้องฉีดฮอร์โมนบ่อยทุก 7 วัน การรักษาระดับฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอนี้มีความสำคัญมากสำหรับผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพโดยรวมและประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย

ข้อดีของการใช้ฮอร์โมนระยะสั้น

  • ควบคุมระดับฮอร์โมนได้ดีกว่า: การฉีดฮอร์โมนในระยะเวลาสั้นทำให้แพทย์สามารถติดตามผลและปรับปริมาณได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ระดับฮอร์โมนอยู่ในจุดที่สมดุล
  • ลดผลข้างเคียง: ด้วยการใช้ฮอร์โมนในปริมาณที่พอดี ช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น สิว ผมร่วง อารมณ์แปรปรวน หรืออาการอ่อนล้า
  • เสริมการออกกำลังกายและสุขภาพโดยรวม: ฮอร์โมนที่สมดุลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างกล้ามเนื้อ เสริมความแข็งแรง และส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

การรักษาระดับฮอร์โมนที่เหมาะสมยังส่งผลให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงานเพียงพอสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ และสามารถตอบสนองต่อการออกกำลังกายได้ดีขึ้น นี่คือเหตุผลที่การฉีดฮอร์โมนทุก 7 วันเป็นวิธีที่แพทย์แนะนำสำหรับการรักษาแบบ M Shot Testosterone!

ที่ Ⓜ️ Clinic มีแผนการใช้ Testosterone ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะสุขภาพที่กระทบจากภาวะพร่องฮอร์โมน รวมไปถึงการเร่งสร้างกล้ามเนื้อด้วยการใช้ Testosterone

Posts pagination