มารู้จัก Myer’s Cocktail

มารู้จัก Myer’s Cocktail

คือสูตรการให้สารอาหารและวิตามินผ่านทางเส้นเลือดที่ได้รับความนิยมในการบำรุงสุขภาพ สูตรนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Dr. John Myers ในสหรัฐอเมริกา และมีส่วนผสมหลักๆ เช่น วิตามินซี แมกนีเซียม แคลเซียม วิตามินบีรวม และส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เพิ่มพลังงาน และฟื้นฟูสภาพร่างกาย

ประโยชน์ของ Myer’s Cocktail 

✅ เพิ่มพลังงาน

✅ เสริมภูมิคุ้มกัน

✅ ช่วยลดอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง

✅ ช่วยบรรเทาอาการของโรคไมเกรนและหอบหืด

✅ ฟื้นฟูจากภาวะขาดสารอาหาร

โดยทั่วไป Myer’s Cocktail มักใช้เพื่อบำรุงสุขภาพทั่วไป รวมถึงฟื้นตัวจากความเครียด อ่อนเพลีย หรือโรคเรื้อรัง

 

ที่ M Clinic เรามีบริการ IV Drip ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเราทำการออกแบบสูตรวิตามินสำหรับผู้ชาย โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ชาย ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน ฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย และช่วยเพิ่มพละกำลังได้อย่างเต็มที่ 

รีวิวการฉีดฮอร์โมนเพิ่มกล้ามจากคุณมิกกี้ เข้ารับบริการ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

รีวิวการฉีดฮอร์โมนเพิ่มกล้ามจากคุณมิกกี้ 

เข้ารับบริการ M Shot Testosterone ที่ M Clinic

มารีวิวหลังจากเข้าโปรแกรม M Shot มาราวๆ เดือนกว่าๆ ที่ M Clinic

 

กล้ามเนื้อมีการเพิ่มอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งไขมันก็ลดลง ทำให้ดูลีนชัดมากขึ้นปล. รูป after นั่นคือถ่ายตอนยังไม่ได้เล่นเวทนะ ยังชัดเลย แรงในการเล่นเวทเพิ่มขึ้นพอสมควร แบบพลังงานล้นเหลือ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คืออารมณ์ที่ฉุนเฉียวขึ้น เหวี่ยงง่าย สมาธิสั้นลง เหงื่อออกเยอะ

 

ทีแรกกลัวว่าจะมีสิวขึ้นหน้า ขึ้นหลัง กับผมร่วง เพราะเห็นคนที่เขาใช้กันสิวขึ้น แต่โชคดีผมไม่มี คงน่าจะเป็นจากสูตรยาที่ใช้ไม่เหมือนกัน

 

อีกอย่างนึงที่ชอบคือนอนหลับง่ายมาก เทียบก่อนเข้าคอร์สอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกทางเพศ ส่วนตัวเท่าเดิมนะ แต่คนอื่นอาจจะมากขึ้นก็ได้ แล้วแต่บุคคล

ก่อนเข้าคอร์สที่นี่จะมีการตรวจเลือดก่อน เพื่อทราบค่าฮอร์โมนเพศ และฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องเป็นพื้นฐานก่อนการใช้ยา รวมถึงค่า PSA ด้วย ก่อนที่แพทย์จะพิจารณาใช้ยาเพื่อความปลอดภัยเป็นรายบุคคล

 

สรุป สำหรับคนที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มกล้ามอย่างได้ผลชัดและเร็ว การใช้ฮอร์โมนเสริมสามารถตอบโจทย์ได้ดี อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา การกินและนอนให้เพียงพอยังสำคัญอยู่ครับ ไม่งั้นกล้ามจะไม่โตเท่าที่ควรจะเป็น

M Shot: การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยฮอร์โมน Testosterone สำหรับผู้ชาย

 

Testosterone เป็นฮอร์โมนหลักของเพศชายที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างลักษณะความเป็นชาย เช่น การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เสียงที่ทุ้มต่ำ และการเจริญเติบโตของขนตามร่างกาย นอกจากนั้น Testosterone ยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มพละกำลัง และความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าของร่างกายอีกด้วย ระดับของ Testosterone ในร่างกายปกติจะอยู่ในช่วง 300-1000 นาโนกรัมต่อเดซิลิตร แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือจากปัจจัยการใช้ชีวิต ร่างกายอาจผลิตฮอร์โมนชนิดนี้น้อยลง

 

ปัจจัยที่ทำให้ Testosterone ลดลง ไม่เพียงแค่เรื่องอายุ แต่ปัจจัยในชีวิตประจำวันยังส่งผลโดยตรงต่อการผลิต Testosterone ของร่างกาย เช่น:

  • สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การใช้สารเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน
  • อาหารไม่สมดุล: การรับประทานของหวาน อาหารมัน และอาหารทอดทำให้ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล
  • น้ำหนักตัวเกินและอ้วนลงพุง: น้ำหนักที่เกินมาตรฐานส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายลดลง
  • ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ: ความเครียดสะสมและการพักผ่อนที่ไม่เหมาะสมทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน Testosterone น้อยลง

ผลที่เกิดจากการขาด Testosterone การขาดฮอร์โมน Testosterone อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลายด้านทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น:

  • ความต้องการทางเพศลดลง
  • อ้วนลงพุง
  • ผมร่วง
  • รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่กระปรี้กระเปร่า
  • อารมณ์แปรปรวนและสมาธิสั้น
  • มวลกล้ามเนื้อลดลง
  • ความจำเสื่อมถอย
  • ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
  • อสุจิไม่แข็งแรง

การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน Testosterone เมื่อพบว่าระดับ Testosterone ต่ำกว่าปกติ และมีอาการที่เกี่ยวข้อง การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy) เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของฮอร์โมนให้กลับมาเป็นปกติได้ โดยวิธีการรักษามีหลายรูปแบบ ดังนี้:

  • ยารับประทาน
    Testosterone ในรูปแบบยารับประทานต้องทานพร้อมอาหารที่มีไขมันเพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น แต่เนื่องจากฮอร์โมนในรูปแบบนี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น การเพิ่มน้ำหนัก จึงต้องควบคุมการออกกำลังกายและเผาผลาญอย่างต่อเนื่อง
  • ยาทา
    Testosterone แบบครีมทาเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีความเสถียร โดยทาครีมทุกวันบริเวณท้องแขน หัวไหล่ หรือหน้าท้อง และเริ่มเห็นผลหลังจากใช้ติดต่อกันประมาณ 3 เดือน
  • การฉีดฮอร์โมนทดแทน
    เป็นการรักษาในรูปแบบฉีดฮอร์โมน Testosterone ที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การรักษาด้วยฮอร์โมน Testosterone เห็นผลได้ไวและมีประสิทธิภาพสูง แต่จำเป็นต้องทำการตรวจวัดค่าฮอร์โมนต่างๆ อย่างละเอียดก่อน เช่น PSA (ค่าการทำงานของต่อมลูกหมาก) LH (ฮอร์โมนที่ควบคุมการผลิตฮอร์โมนเพศ) และ Hct (ค่าความเข้มข้นของเลือด) เพื่อความปลอดภัย การฉีดจะทำเป็นประจำทุกสัปดาห์และต้องติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

M Shot : Testosterone ที่ M Clinic เป็นการเสริมฮอร์โมนที่เห็นผลอย่างชัดเจน เป็นวิธีการเพิ่มฮอร์โมน Testosterone ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มพลังงาน สร้างมวลกล้ามเนื้อ และฟื้นฟูความสดชื่นในร่างกายอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

กินยาปลูกผมแล้วน้องชายไม่แข็ง

เคยได้ยินว่ากินยาปลูกผมแล้วน้องชายไม่แข็งจริงหรือเปล่า?

#มาดูคำตอบกัน!
จริงๆ แล้ว ยาปลูกผมบางชนิด เช่น Finasteride หรือ Dutasteride ที่มักถูกใช้เพื่อรักษาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชาย (DHT) ซึ่งเป็นสาเหตุให้บางคนมีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรืออาการที่เรียกว่า “นกเขาไม่ขัน” ได้ 💡

 

แต่อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงนี้พบได้ในคนส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เมื่อหยุดใช้ยา อีกทั้งไม่ใช่ทุกคนจะได้รับผลกระทบนี้ เพราะร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อยาแตกต่างกันไป

#ไม่ต้องกังวล! ⭐️

ที่ M Clinic เรามีวิธีช่วยฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการรักษา M Focused Shockwave Therapy คือการรักษาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือดและการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาการแข็งตัวได้ ปลอดภัย ไม่ต้องพึ่งพายา

 

ทำร่วมกับ MPE (M Penile Enhancement) ช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศด้วยเซลล์ของตัวเองอย่างปลอดภัย ไม่มีสารแปลกปลอม ไม่ต้องพักฟื้นนาน ช่วยเสริมความมั่นใจและสุขภาพทางเพศภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์👨‍⚕️Ⓜ️

Magnesium คืออะไร ?

Magnesium คืออะไร ?

                  แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่สำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย แต่ไม่ค่อยไม่ใครรู้คุณสมบัติที่แท้จริงของมัน ซึ่งแท้จริงแล้วแมกนีเซียมมีความสำคัญมากต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพแมกนีเซียม เป็นเสมือนโรงงานไฟฟ้าของเซลล์ เพราะหน้าที่หลัก ๆ คือ การช่วยเพิ่มพลังงาน การทำงานของเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย และช่วยในการรักษาสมดุลของแร่ธาตุในเซลล์

                 ต่อไปเรามาทำความรู้จักหน้าที่ของแมกนีเซียมกันต่อเลย จะได้รู้ว่ามันสำคัญมากและถ้าหากเราขาดไปจะมีอาการเช่นไร

1. ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
– แมกนีเซียมมีความสำคัญในการหดตัวของกล้ามเนื้อและการส่งสัญญาณประสาทในระดับเซลล์ ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหดเกร็ง ป้องกันการเกิดตะคริว และการชักกระตุก
– แมกนีเซียมช่วยให้ระบบประสาททำงานปกติ และช่วยลดความตึงเครียดของงกล้ามเนื้อ


2. ช่วยเสริมสร้างกระดูก
– แมกนีเซียมทำงานร่วมกับแร่ธาตุแคลเซียม ช่วยในการเสริมสร้างกระดูก ป้องกันการสลายกระดูกและป้องกันไม่ให้เกิดโรคกระดูกพรุน


3. ระบบหัวใจและหลอดเลือด
– แมกนีเซียมมีช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจ ป้องการการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ ลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของหัวใจและหลอดเลือดได้


4. ช่วยในการสร้างพลังงาน
– แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการผลิตพลังงานของเซลล์ หรือผลิตแบตเตอรี่ให้กับเซลล์ที่มีชื่อว่า ATP(adenosine triphosphate ) นั่นเอง และATP นี้เองเป็นเหมือนแหล่งพลังงานที่ส่งต่อให้เซลล์ไปใช้ในการกระตุ้นกระบวนการต่างๆ มากกว่า 300 กระบวนการในร่างกาย รวมถึงการควบคุมกล้ามเนื้อ ระบบประสาท กระดูก หัวใจและเมตาบอลิซึม


5. ควบคุมการทำงานของเอนไซม์
– แมกนีเซียมควบคุมการทำงานของเอนไซม์มากมายที่เกี่ยวข้องการสังเคราะห์พลังงาน การเผาพลาญอาหารเพื่อมาเป็นพลังงานของร่างกาย


6. สร้างความสมดุลของแร่ธาตุ
– แมกนีเซียมช่วยสร้างความสมดุลของแร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย โดยทำงานร่วมกับ โพแทสเซียม และแคลเซียม ในการควบคุมกระแสไฟฟ้าในร่างกาย รวมทั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ


7. ช่วยการนอนหลับ
– แมกนีเซียมมีบทบาทช่วยควบคุมสารสื่อประสาทที่ช่วยผ่อนคลาย ช่วยในการนอนหลับ และกระตุ้นให้มีการหลั่งสารเมลาโทนิน ทำให้การหลับมีคุณภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งลดความเครียดและลดความวิตกกังวลได้ จึงทำให้จิตใจสงบยิ่งขึ้น


8. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
– แมกนีเซียมมีส่วนสำคัญในการผลิตและการใช้ฮอร์โมนอินซูลินที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนำน้ำตาลในกระแสเลือดมาใช้เป็นพลังงานในเซลล์ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติและป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2


9. ลดการอักเสบในร่างกาย
– แมกนีเซียมช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ ช่วยให้โรคต่างๆ ที่มีการอักเสบและช่วยลดอาการป่วยเรื้อรังได้ และมีส่วนเพิ่มการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ(anti-oxidation) ลดการทำลายของสารอนุมูลอิสระได้(oxidation)


10. ลดปวดศีรษะจากไมเกรน
– มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าแมกนีเซียมสามารถลดความถี่และความรุนแรงของการปวดศีรษะจากไมเกรนได้ เนื่องจากแมกนีเซียมมีส่วนควบคุมการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน


ดังนั้นนอกจากแมกนีเซียม มีความสำคัญเป็นโรงงานไฟฟ้าของเซลล์ ยังมีส่วนช่วยในการควบคุมการทำงานและรักษาสมดุลของกระบวนต่างๆในร่างกาย แมกนีเซียมจึงทำหน้าที่เป็นผู้จัดการและคอยประสานงานทำให้กระบวนการทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างราบรื่น

ALA สารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาล

✨ ALA สารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาล 🚀

ALA (Alpha-Lipoic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในร่างกายและอาหารบางชนิด เช่น ผักโขม บรอกโคลี และเนื้อสัตว์ มีบทบาทในการเปลี่ยนกลูโคสเป็นพลังงานและปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ALA ยังช่วยเสริมการทำงานของวิตามิน C และ E และมักใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท เช่น Diabetic Neuropathy และช่วยลดการอักเสบ

ข้อดีของ  ALA  ? 

กระตุ้นการทำงานของวิตามิน: ช่วยให้วิตามินที่เรารับประทานสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

ต้านการอักเสบ: ลดการอักเสบที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรงขึ้น

ล้างสารพิษ: ขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะโลหะหนักที่เป็นอันตราย

ควบคุมระดับน้ำตาล: ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้สุขภาพดีและสมดุล

ชะลอความอ่อนวัย: ALA ช่วยให้คุณดูอ่อนวัยกว่าเดิม ด้วยการปกป้องเซลล์จากความเสื่อม

ป้องกันโรคเรื้อรัง: ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรังและปกป้องร่างกายจากความเสียหายต่างๆ

นอกจากการรับประทานวิตามินแล้ว การ IV Drip เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ M Clinic ของเรามีบริการ IV Drip ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง สามารถเข้ามาปรึกษาได้เลยครับ ! 💉✨

ฉีด BOTOX คล้ายกล้ามเนื้อ(น้องชาย)

ฉีด BOTOX คล้ายกล้ามเนื้อ(น้องชาย) ช่วยให้แข็งตัวดีขึ้นจริงหรอ ?

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้ชายทุกวัย การไม่สามารถบรรลุเป้าหมานและรักษาการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ มีอิทธิพลอย่างมากต่อความมั่นใจในตนเองและส่งผลโดยตรงต่อความสัมพันธ์ทางเพศ

BoCox™ คืออะไร?

BoCox™ สำหรับการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นหัตถการการรักษาที่ช่วยให้ผู้ชายแข็งตัวได้ดีขึ้น
ซึ่งผสมผสานพลังของการบำบัดด้วย Botox และ Platelet-Rich Plasma (PRP) วิธีการที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ ไม่จำเป็นต้องมีการผ่าตัดหรือการดมยาสลบ ทำให้เป็นทางเลือกการรักษาที่ไม่ดูน่ากลัวจนเกินไป สำหรับคนไข้ที่ต้องการ การปรับสมดุล รักษาสมรรถภาพทางเพศโดยไม่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด
โดยการฉีด Botox ร่วมกับ PRP เข้าไปในกล้ามเนื้อที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่อวัยวะเพศชาย ตำแหน่ง Corpus Cavernosum จะผ่อนคลายและเรียบเนียนของกล้ามเนื้อทำให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะเพศชายได้ดีขึ้นมาก ทำให่การแข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้นได้ ส่งผลต่อความสมดุลระหว่างระบบประสาท ซิมพาเทติก (sympathetic) และพาราซิมพาเทติก (parasympathetic) ภายในอวัยวะเพศชาย เป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ดีมากขึ้น

BoCox™ เหมาะกับใคร

* คนที่มีปัญหานกเขาไม่ขัน น้องชายไม่สู้ ไม่เคาพธงชาติ
* หย่อนสมรรถภาพ ล่มปากอ่าว
* อ่อนตัวเร็ว แข็งตัวได้ไม่เต็มที่
การฉีด BOTOX(น้องชาย) aka BoCox™ ไม่เพียงแต่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ช่วยรักษาปัญหาเสื่อมสรรมภาพทางเพศ การไหลเวียนของเลือดที่สูบฉีดไปที่อวัยวะเพศดีขึ้น และแม้แต่เพิ่มความมั่นใจในตนเองอีกด้วย

ผลข้างเคียงจากการใช้ Testosterone

ผลข้างเคียงจากการใช้ Testosteron

1. สิว : สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวจาก Testosterone เนื่องจาก Testosterone ที่ได้รับเข้าไปจะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันในผิว ให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น และอุดตันในรูขุมขนเกิดเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบ นอกจากนี้สิวยังเกิดได้จากความไม่สมดุลของฮอร์โมนและการอักเสบภายในร่างกายจากใช้ฮอร์โมนได้อีกด้วย
2. ผมร่วง : Testosterone สามารถเปลี่ยนเป็นฮอร์โมน DHT ได้จากเอ็นไซม์ 5-alpha reductase หากใครที่มีเอ็นไซม์นี้มาก อันเนื่องมาจากกรรมพันธุ์หรือใช้ Testosterone ปริมาณมากและระยะเวลานาน จะทำให้ฮอร์โมน DHT สูงขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนที่ไวต่อฮอร์โมนDHT หดตัว ทำให้เส้นผมบางลงและหลุดร่วง โดยเฉพาะบริเวณด้านบนและด้านหน้าในชายที่มีแนวโน้มผมร่วงตามกรรมพันธุ์
3. เลือดข้น : จำนวนเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นทำให้เลือดหนืด เลือดข้น หรือภาวะ Polycythemia ซึ่งอาจทำเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน และมีผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากจำนวนเม็ดเลือดแดงหนาแน่น ไม่มีผิวสัมผัสเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซและเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี อาการเริ่มแรกอาจมีวิงเวียนศีรษะหน้ามืดได้ และอาจเกิดการภาวะลิ่มเลือด เส้นเลือดอุดตัน หรือถึงขั้นอัมพาตได้
4. มีเต้านม : การเพิ่มขึ้นของเนื้อเยื่อเต้านมในผู้ชาย หรือภาวะ Gynecomastia เกิดเนื่องจากการเปลี่ยนเทสโทสเตอโรนเป็นเอสโตรเจนกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของเต้านม อีกทั้งภาวะนี้อาจเกิดได้กับผู้ที่ใช้ anabolic steroid, ยาต้านแอนโดรเจน, แอลกอฮอล์และสารเสพย์ติดบางชนิด และโรคตับแข็ง โรคไตและไธรอยด์ ได้อีกด้วย
5. อารมณ์เปลี่ยนแปลง : อาจเป็นได้ทั้งอารมณ์หงุดหงิดง่ายหรือซึมเศร้าก็ได้ Testosterone เป็นฮอร์โมนที่แสดงความเป็นชาย นอกจากจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น เพิ่มกล้าม สร้างกล้ามเนื้อ ยังมีผลต่อจิตใจด้วย จึงทำให้มีอารมณ์อารมณ์รุนแรง ฉุนเฉี่ยว และหงุดหงิดง่าย หรือหากฮอร์โมนไม่สมดุลหรือช่วงที่อยู่ในระยะหยุดยาอาจเกิดการซึมเศร้าได้ เรียกว่าภาวะ “Testosterone Withdrawal”เกิดได้จากระดับเทสโทสเตอโรนในเลือดขณะใช้ฮอร์โมนเสริมมีระดับสูงเมื่อหยุดใช้ทันทีจะมีระดับลดลงเร็วเกินไป นำไปสู่อาการซึมเศร้า อ่อนล้า และความไม่สบายทางใจ
6. เป็นหมัน : การใช้ Testosterone เสริม สามารถยับยั้งการหลั่ง GnRH (Gonadotropin-Releasing Hormone) จากต่อมใต้สมอง ทำให้ระดับ Luteinizing Hormone (LH) และ Follicle-Stimulating Hormone (FSH) ลดลง ทำให้การผลิต Testosterone ตามธรรมชาติและการสร้างสเปริ์มลดลง จึงทำให้ตัวอสุจิค่อยๆลดลงจนไม่สามารถมีบุตรได้ แต่การใช้ Testosterone ในระยะเวลาอันสั้น กระบวนการสร้างสเปริ์มจะกลับมาปกติได้ เมื่อหยุดใช้ Testosterone จากการฉีด ร่างกายจะกลับมาสร้าง Testosteroneได้เอง แต่ถ้าใช้ Testosterone เสริมเป็นเวลานาน อัณฑะจะไม่ถูกกระตุ้นเป็นเวลานานจึงทำให้อัณฑะฝ่อและเล็กลงจนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนและสเปริ์มได้ จึงอาจเป็นหมันถาวร
 

ไขข้อสงสัย! ฉีด Testosterone เสริมกล้ามตัวไหนเวิร์คที่สุด

ไขข้อสงสัย! ฉีด Testosterone เสริมกล้ามตัวไหนเวิร์คที่สุด

1. Testosterone Enanthate
– ระยะเวลาการออกฤทธิ์: ประมาณ 1-2 สัปดาห์
– การใช้งาน: ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 1-2 สัปดาห์
– เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ออกกำลังกายสร้างกล้าม เพาะกาย หรือต้องการแข่งขันประกวด ที่ต้องการความรวดเร็ว หรือใช้รักษาระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนให้เหมาะสม เหมาะกับการใช้ในระยะกลาง และสามารถรับการฉีดยาบ่อยๆ ได้ ซึ่งปกติจะนัดทุก 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันฮอร์โมนสวิง
– ข้อดี: สามารถควบคุมระดับฮอร์โมนได้ดี มีข้อมูลการใช้มากมาย
– ข้อเสีย: ต้องฉีดยาทุก 1-2 สัปดาห์ ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับบางคน
2. Testosterone Undecanoate
– ระยะเวลาการออกฤทธิ์: ประมาณ 10-14 สัปดาห์
– การใช้งาน: ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 10-14 สัปดาห์
– เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการลดความถี่ในการฉีดยาและต้องการรักษาระดับฮอร์โมนในระยะยาว และไม่อยากมีผลข้างเคียงของการใช้ Testosterone มากนัก เช่น สิว ผมร่วง หน้ามัน อารมณ์สวิง หรืออาการปวดกล้ามเนื้อหลังฉีด เน้นรักษาอาการนอนหลับไม่ลึกจากฮอร์โมนต่ำ ไม่เร่งรีบในการเพิ่มกล้ามเนื้อ หรือมือใหม่อยากออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อใช้ได้โดยปลอดภัย ผลข้างเคียงต่ำ ทำให้มีความทนทานออกกำลังกาย การยกน้ำหนักได้นานขึ้น โดยรวมในระยะยาวสามารถเพิ่มกล้ามเนื้อได้เช่นเดียวกัน โดยปกติจะนัดฉีดทุก 8-12 สัปดาห์
– ข้อดี: ระยะเวลาการออกฤทธิ์ยาวนาน ตัวยาจะค่อยๆปล่อยออกมา ลดความถี่ในการฉีดยา ลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ Testosterone ได้
– ข้อเสีย: ฉีดยาในปริมาณมากและราคาสูงกว่า
3. Testosterone Cypionate
– ระยะเวลาการออกฤทธิ์: ประมาณ 1-2 สัปดาห์
– การใช้งาน: ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 1-2 สัปดาห์
– เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการรักษาระดับฮอร์โมนในระยะปานกลางและสะดวกกับการฉีดยาเป็นประจำ
– ข้อดี: มีระยะเวลาการออกฤทธิ์คล้ายกับ Testosterone Enanthate และสามารถควบคุมระดับฮอร์โมนได้ดี
– ข้อเสีย: ต้องฉีดยาทุก 1-2 สัปดาห์ และยังไม่มีตัวยาที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย***
4. Testosterone Propionate
– ระยะเวลาการออกฤทธิ์: ประมาณ 2-3 วัน
– การใช้งาน: ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 2-3 วัน
– เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการควบคุมระดับฮอร์โมนอย่างละเอียดและสามารถรับการฉีดยาบ่อยๆ ได้
– ข้อดี: ออกฤทธิ์เร็วและสามารถปรับระดับฮอร์โมนได้อย่างรวดเร็ว
– ข้อเสีย: ต้องฉีดยาบ่อยๆ ทุก 2-3 วัน และยังไม่มีตัวยาที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย***
สรุป Testosterone แบบฉีดมีผ่านอย.ในประเทศไทย มี 2 ชนิด
1. Testosterone Enanthate(Test E) เช่น Testoviron250mg ฉีดทุก 1-2 สัปดาห์
2. Testosterone Undecanoate(Test U) เช่น Nabido1000mg ฉีดทุก 8-14 สัปดาห์
ส่วน Testosterone Cypionate(Test C) และ Testosterone Propionate(Test prop) ยังไม่มีข้อมูลจาก อย.

การฉีดฮอร์โมนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ Testosterone VS Growth hormone

การฉีดฮอร์โมนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
Testosterone VS Growth hormone

1. ฮอร์โมนที่ใช้เสริมสร้างกล้ามเนื้อในปัจจุบันมีใช้อยู่ 2 ตัว คือ
– เทสโทสเตอโรน (Testosterone) หรือฮอร์โมนเพศชายเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการโดยกระบวนการทางเคมี เพื่อเลียนแบบโครงสร้างและการทำงานของฮอร์โมนธรรมชาติ
– โกรทฮอร์โมน (Growth hormone, GH) : หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตเป็นฮอร์โมนที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี DNA รีคอมบิแนนท์ โดยใช้แบคทีเรียหรือเซลล์สัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ผลิต Growth hormone ได้

2. การใช้ Growth Hormone ในประเทศไทยมีจำหน่ายอย่างถูกกฎหมายสำหรับการใช้ทางการแพทย์เท่านั้น เช่น การรักษาภาวะขาด GH ในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ แต่การใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น การเสริมสร้างกล้ามเนื้อหรือการชะลอวัย อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การนำเข้าฮอร์โมนการเจริญเติบโตโดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ผิดกฎหมายและอาจถูกตรวจจับที่ด่านศุลกากรได้
– การใช้ GHในประเทศไทยต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้ฮอร์โมนนี้ เช่น แพทย์ต่อมไร้ท่อ (Endocrinologist) หรือแพทย์เวชศาสตร์การกีฬา (Sports Medicine Specialist) หากไม่ใช่แพทย์สองสาขานี้สั่งจ่าย อาจเสี่ยงต่อยาหิ้ว หรือ สารลอกเลียนแบบ อีกทั้งถ้าเก็บในอุณหภูมิไม่เหมาะสมจะเสื่อมสภาพ ถ้านำมาฉีดเข้าร่างกายอาจเป็นอันตรายได้

3. GH มีประโยชน์ในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของร่างกาย แต่มีผลกระทบต่อร่างกายดังนี้


– ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำในร่างกาย ทำให้บวมตัวบวมได้ โดยเฉพาะข้อมือและขา
– ทำให้เกิดอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะ carpal tunnel syndrome จะมีอาการปวดข้อมือและชาได้
– อาจก่อให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินและเบาหวานได้
– เกิดการขยายตัวของอวัยวะภายใน เช่น หัวใจและตับ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพรุนแรง
– เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง เช่นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากฮอร์โมนนี้กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์
– เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เพิ่มความดันโลหิตและเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลวและปัญหาหลอดเลือดได้

ดูเหมือนว่าการใช้ Testosterone จะมีความปลอดภัยกว่า ในโพสต์ต่อไปจะกล่าวถึงการใช้ Testosterone บ้างครับ แต่โดยสรุปแล้วการใช้ฮอร์โมนเสริมควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าชอบโพสต์นี้ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะ#bodycam

Reference:
– [Mayo Clinic: Testosterone therapy: Potential benefits and risks as you age](https://www.mayoclinic.org/…/testost…/about/pac-20384685)
– [Harvard Health: The dilemma of male hormone therapy](https://www.health.harvard.edu/…/the-dilemma-of-male…)
– [WebMD: Growth Hormone](https://www.webmd.com/men/features/growth-hormone)

9 สุดยอดผลไม้ที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ

ผู้ชายคนไหนอยากเพิ่มพลังทางเพศต้องอ่าน! 
9 สุดยอดผลไม้ที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ

  • สตรอว์เบอร์รี่ 🍓 ช่วยลดความเสี่ยงของโรค เพิ่มความต้องการทางเพศ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย
  • แตงโม 🍉 มีซิทรูลีน ช่วยขยายหลอดเลือด บำรุงหัวใจ และเพิ่มความอึดในการทำกิจกรรมทางเพศ
  • สับปะรด 🍍 กระตุ้นฮอร์โมนเพศ เพิ่มพลังงาน และลดความเหนื่อยล้า
  • อะโวคาโด 🥑 บำรุงหัวใจและระบบหมุนเวียนเลือด เพิ่มความแข็งแรงของร่างกายและสมรรถภาพทางเพศ 
  • กล้วย 🍌 เพิ่มพลังงานและสมรรถภาพทางเพศ ให้พลังงานและความทนทาน
  • ทับทิม 🍎 สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต บำรุงองคชาตและเพิ่มความแข็งแรง
  • แอปเปิล 🍏 ปรับปรุงการไหลเวียนเลือด ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
  • กีวี่ 🥝 เสริมระบบหมุนเวียนเลือด ลดความเสี่ยงของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
  • เชอร์รี่ 🍒 เพิ่มการไหลเวียนเลือดและพลังงาน ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
ใครอยากเพิ่มสมรรถภาพแบบธรรมชาติ ลองผลไม้เหล่านี้ดู รับรองไม่ผิดหวัง! 💪

Posts pagination