รีวิวการฉีดฮอร์โมนเพิ่มกล้ามจากคุณมิกกี้ เข้ารับบริการ M Shot Testosterone ที่ M Clinic
รีวิวการฉีดฮอร์โมนเพิ่มกล้ามจากคุณมิกกี้
เข้ารับบริการ M Shot Testosterone ที่ M Clinic
มารีวิวหลังจากเข้าโปรแกรม M Shot มาราวๆ เดือนกว่าๆ ที่ M Clinic
กล้ามเนื้อมีการเพิ่มอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งไขมันก็ลดลง ทำให้ดูลีนชัดมากขึ้นปล. รูป after นั่นคือถ่ายตอนยังไม่ได้เล่นเวทนะ ยังชัดเลย แรงในการเล่นเวทเพิ่มขึ้นพอสมควร แบบพลังงานล้นเหลือ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คืออารมณ์ที่ฉุนเฉียวขึ้น เหวี่ยงง่าย สมาธิสั้นลง เหงื่อออกเยอะ
ทีแรกกลัวว่าจะมีสิวขึ้นหน้า ขึ้นหลัง กับผมร่วง เพราะเห็นคนที่เขาใช้กันสิวขึ้น แต่โชคดีผมไม่มี คงน่าจะเป็นจากสูตรยาที่ใช้ไม่เหมือนกัน
อีกอย่างนึงที่ชอบคือนอนหลับง่ายมาก เทียบก่อนเข้าคอร์สอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกทางเพศ ส่วนตัวเท่าเดิมนะ แต่คนอื่นอาจจะมากขึ้นก็ได้ แล้วแต่บุคคล

ก่อนเข้าคอร์สที่นี่จะมีการตรวจเลือดก่อน เพื่อทราบค่าฮอร์โมนเพศ และฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องเป็นพื้นฐานก่อนการใช้ยา รวมถึงค่า PSA ด้วย ก่อนที่แพทย์จะพิจารณาใช้ยาเพื่อความปลอดภัยเป็นรายบุคคล
สรุป สำหรับคนที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มกล้ามอย่างได้ผลชัดและเร็ว การใช้ฮอร์โมนเสริมสามารถตอบโจทย์ได้ดี อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา การกินและนอนให้เพียงพอยังสำคัญอยู่ครับ ไม่งั้นกล้ามจะไม่โตเท่าที่ควรจะเป็น

M Shot: การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยฮอร์โมน Testosterone สำหรับผู้ชาย
Testosterone เป็นฮอร์โมนหลักของเพศชายที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างลักษณะความเป็นชาย เช่น การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เสียงที่ทุ้มต่ำ และการเจริญเติบโตของขนตามร่างกาย นอกจากนั้น Testosterone ยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มพละกำลัง และความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าของร่างกายอีกด้วย ระดับของ Testosterone ในร่างกายปกติจะอยู่ในช่วง 300-1000 นาโนกรัมต่อเดซิลิตร แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือจากปัจจัยการใช้ชีวิต ร่างกายอาจผลิตฮอร์โมนชนิดนี้น้อยลง
ปัจจัยที่ทำให้ Testosterone ลดลง ไม่เพียงแค่เรื่องอายุ แต่ปัจจัยในชีวิตประจำวันยังส่งผลโดยตรงต่อการผลิต Testosterone ของร่างกาย เช่น:
- สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การใช้สารเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน
- อาหารไม่สมดุล: การรับประทานของหวาน อาหารมัน และอาหารทอดทำให้ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล
- น้ำหนักตัวเกินและอ้วนลงพุง: น้ำหนักที่เกินมาตรฐานส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายลดลง
- ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ: ความเครียดสะสมและการพักผ่อนที่ไม่เหมาะสมทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน Testosterone น้อยลง
ผลที่เกิดจากการขาด Testosterone การขาดฮอร์โมน Testosterone อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลายด้านทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น:
- ความต้องการทางเพศลดลง
- อ้วนลงพุง
- ผมร่วง
- รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่กระปรี้กระเปร่า
- อารมณ์แปรปรวนและสมาธิสั้น
- มวลกล้ามเนื้อลดลง
- ความจำเสื่อมถอย
- ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
- อสุจิไม่แข็งแรง
การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน Testosterone เมื่อพบว่าระดับ Testosterone ต่ำกว่าปกติ และมีอาการที่เกี่ยวข้อง การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy) เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของฮอร์โมนให้กลับมาเป็นปกติได้ โดยวิธีการรักษามีหลายรูปแบบ ดังนี้:
- ยารับประทาน
Testosterone ในรูปแบบยารับประทานต้องทานพร้อมอาหารที่มีไขมันเพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น แต่เนื่องจากฮอร์โมนในรูปแบบนี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น การเพิ่มน้ำหนัก จึงต้องควบคุมการออกกำลังกายและเผาผลาญอย่างต่อเนื่อง
- ยาทา
Testosterone แบบครีมทาเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีความเสถียร โดยทาครีมทุกวันบริเวณท้องแขน หัวไหล่ หรือหน้าท้อง และเริ่มเห็นผลหลังจากใช้ติดต่อกันประมาณ 3 เดือน
- การฉีดฮอร์โมนทดแทน
เป็นการรักษาในรูปแบบฉีดฮอร์โมน Testosterone ที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การรักษาด้วยฮอร์โมน Testosterone เห็นผลได้ไวและมีประสิทธิภาพสูง แต่จำเป็นต้องทำการตรวจวัดค่าฮอร์โมนต่างๆ อย่างละเอียดก่อน เช่น PSA (ค่าการทำงานของต่อมลูกหมาก) LH (ฮอร์โมนที่ควบคุมการผลิตฮอร์โมนเพศ) และ Hct (ค่าความเข้มข้นของเลือด) เพื่อความปลอดภัย การฉีดจะทำเป็นประจำทุกสัปดาห์และต้องติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
M Shot : Testosterone ที่ M Clinic เป็นการเสริมฮอร์โมนที่เห็นผลอย่างชัดเจน เป็นวิธีการเพิ่มฮอร์โมน Testosterone ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มพลังงาน สร้างมวลกล้ามเนื้อ และฟื้นฟูความสดชื่นในร่างกายอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
กินยาปลูกผมแล้วน้องชายไม่แข็ง
เคยได้ยินว่ากินยาปลูกผมแล้วน้องชายไม่แข็งจริงหรือเปล่า?
#มาดูคำตอบกัน!
จริงๆ แล้ว ยาปลูกผมบางชนิด เช่น Finasteride หรือ Dutasteride ที่มักถูกใช้เพื่อรักษาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชาย (DHT) ซึ่งเป็นสาเหตุให้บางคนมีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรืออาการที่เรียกว่า “นกเขาไม่ขัน” ได้ 💡
แต่อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงนี้พบได้ในคนส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เมื่อหยุดใช้ยา อีกทั้งไม่ใช่ทุกคนจะได้รับผลกระทบนี้ เพราะร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อยาแตกต่างกันไป
#ไม่ต้องกังวล! ⭐️
ที่ M Clinic เรามีวิธีช่วยฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการรักษา M Focused Shockwave Therapy คือการรักษาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือดและการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาการแข็งตัวได้ ปลอดภัย ไม่ต้องพึ่งพายา
ทำร่วมกับ MPE (M Penile Enhancement) ช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศด้วยเซลล์ของตัวเองอย่างปลอดภัย ไม่มีสารแปลกปลอม ไม่ต้องพักฟื้นนาน ช่วยเสริมความมั่นใจและสุขภาพทางเพศภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์👨⚕️Ⓜ️
Magnesium คืออะไร ?
Magnesium คืออะไร ?
แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่สำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย แต่ไม่ค่อยไม่ใครรู้คุณสมบัติที่แท้จริงของมัน ซึ่งแท้จริงแล้วแมกนีเซียมมีความสำคัญมากต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพแมกนีเซียม เป็นเสมือนโรงงานไฟฟ้าของเซลล์ เพราะหน้าที่หลัก ๆ คือ การช่วยเพิ่มพลังงาน การทำงานของเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย และช่วยในการรักษาสมดุลของแร่ธาตุในเซลล์
ต่อไปเรามาทำความรู้จักหน้าที่ของแมกนีเซียมกันต่อเลย จะได้รู้ว่ามันสำคัญมากและถ้าหากเราขาดไปจะมีอาการเช่นไร
1. ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
– แมกนีเซียมมีความสำคัญในการหดตัวของกล้ามเนื้อและการส่งสัญญาณประสาทในระดับเซลล์ ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหดเกร็ง ป้องกันการเกิดตะคริว และการชักกระตุก
– แมกนีเซียมช่วยให้ระบบประสาททำงานปกติ และช่วยลดความตึงเครียดของงกล้ามเนื้อ
2. ช่วยเสริมสร้างกระดูก
– แมกนีเซียมทำงานร่วมกับแร่ธาตุแคลเซียม ช่วยในการเสริมสร้างกระดูก ป้องกันการสลายกระดูกและป้องกันไม่ให้เกิดโรคกระดูกพรุน
3. ระบบหัวใจและหลอดเลือด
– แมกนีเซียมมีช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจ ป้องการการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ ลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของหัวใจและหลอดเลือดได้
4. ช่วยในการสร้างพลังงาน
– แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการผลิตพลังงานของเซลล์ หรือผลิตแบตเตอรี่ให้กับเซลล์ที่มีชื่อว่า ATP(adenosine triphosphate ) นั่นเอง และATP นี้เองเป็นเหมือนแหล่งพลังงานที่ส่งต่อให้เซลล์ไปใช้ในการกระตุ้นกระบวนการต่างๆ มากกว่า 300 กระบวนการในร่างกาย รวมถึงการควบคุมกล้ามเนื้อ ระบบประสาท กระดูก หัวใจและเมตาบอลิซึม
5. ควบคุมการทำงานของเอนไซม์
– แมกนีเซียมควบคุมการทำงานของเอนไซม์มากมายที่เกี่ยวข้องการสังเคราะห์พลังงาน การเผาพลาญอาหารเพื่อมาเป็นพลังงานของร่างกาย
6. สร้างความสมดุลของแร่ธาตุ
– แมกนีเซียมช่วยสร้างความสมดุลของแร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย โดยทำงานร่วมกับ โพแทสเซียม และแคลเซียม ในการควบคุมกระแสไฟฟ้าในร่างกาย รวมทั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ
7. ช่วยการนอนหลับ
– แมกนีเซียมมีบทบาทช่วยควบคุมสารสื่อประสาทที่ช่วยผ่อนคลาย ช่วยในการนอนหลับ และกระตุ้นให้มีการหลั่งสารเมลาโทนิน ทำให้การหลับมีคุณภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งลดความเครียดและลดความวิตกกังวลได้ จึงทำให้จิตใจสงบยิ่งขึ้น
8. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
– แมกนีเซียมมีส่วนสำคัญในการผลิตและการใช้ฮอร์โมนอินซูลินที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนำน้ำตาลในกระแสเลือดมาใช้เป็นพลังงานในเซลล์ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติและป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2
9. ลดการอักเสบในร่างกาย
– แมกนีเซียมช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ ช่วยให้โรคต่างๆ ที่มีการอักเสบและช่วยลดอาการป่วยเรื้อรังได้ และมีส่วนเพิ่มการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ(anti-oxidation) ลดการทำลายของสารอนุมูลอิสระได้(oxidation)
10. ลดปวดศีรษะจากไมเกรน
– มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าแมกนีเซียมสามารถลดความถี่และความรุนแรงของการปวดศีรษะจากไมเกรนได้ เนื่องจากแมกนีเซียมมีส่วนควบคุมการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน
ดังนั้นนอกจากแมกนีเซียม มีความสำคัญเป็นโรงงานไฟฟ้าของเซลล์ ยังมีส่วนช่วยในการควบคุมการทำงานและรักษาสมดุลของกระบวนต่างๆในร่างกาย แมกนีเซียมจึงทำหน้าที่เป็นผู้จัดการและคอยประสานงานทำให้กระบวนการทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างราบรื่น
ALA สารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาล
✨ ALA สารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาล 🚀
ALA (Alpha-Lipoic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในร่างกายและอาหารบางชนิด เช่น ผักโขม บรอกโคลี และเนื้อสัตว์ มีบทบาทในการเปลี่ยนกลูโคสเป็นพลังงานและปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ALA ยังช่วยเสริมการทำงานของวิตามิน C และ E และมักใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท เช่น Diabetic Neuropathy และช่วยลดการอักเสบ
ข้อดีของ ALA ?
✅กระตุ้นการทำงานของวิตามิน: ช่วยให้วิตามินที่เรารับประทานสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
✅ต้านการอักเสบ: ลดการอักเสบที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรงขึ้น
✅ล้างสารพิษ: ขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะโลหะหนักที่เป็นอันตราย
✅ควบคุมระดับน้ำตาล: ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้สุขภาพดีและสมดุล
✅ชะลอความอ่อนวัย: ALA ช่วยให้คุณดูอ่อนวัยกว่าเดิม ด้วยการปกป้องเซลล์จากความเสื่อม
✅ป้องกันโรคเรื้อรัง: ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรังและปกป้องร่างกายจากความเสียหายต่างๆ
นอกจากการรับประทานวิตามินแล้ว การ IV Drip เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ M Clinic ของเรามีบริการ IV Drip ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง สามารถเข้ามาปรึกษาได้เลยครับ ! 💉✨
ฉีด BOTOX คล้ายกล้ามเนื้อ(น้องชาย)
ฉีด BOTOX คล้ายกล้ามเนื้อ(น้องชาย) ช่วยให้แข็งตัวดีขึ้นจริงหรอ ?
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้ชายทุกวัย การไม่สามารถบรรลุเป้าหมานและรักษาการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ มีอิทธิพลอย่างมากต่อความมั่นใจในตนเองและส่งผลโดยตรงต่อความสัมพันธ์ทางเพศ
BoCox™ คืออะไร?
BoCox™ สำหรับการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นหัตถการการรักษาที่ช่วยให้ผู้ชายแข็งตัวได้ดีขึ้น
ซึ่งผสมผสานพลังของการบำบัดด้วย Botox และ Platelet-Rich Plasma (PRP) วิธีการที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ ไม่จำเป็นต้องมีการผ่าตัดหรือการดมยาสลบ ทำให้เป็นทางเลือกการรักษาที่ไม่ดูน่ากลัวจนเกินไป สำหรับคนไข้ที่ต้องการ การปรับสมดุล รักษาสมรรถภาพทางเพศโดยไม่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด
โดยการฉีด Botox ร่วมกับ PRP เข้าไปในกล้ามเนื้อที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่อวัยวะเพศชาย ตำแหน่ง Corpus Cavernosum จะผ่อนคลายและเรียบเนียนของกล้ามเนื้อทำให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะเพศชายได้ดีขึ้นมาก ทำให่การแข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้นได้ ส่งผลต่อความสมดุลระหว่างระบบประสาท ซิมพาเทติก (sympathetic) และพาราซิมพาเทติก (parasympathetic) ภายในอวัยวะเพศชาย เป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ดีมากขึ้น
BoCox™ เหมาะกับใคร
* คนที่มีปัญหานกเขาไม่ขัน น้องชายไม่สู้ ไม่เคาพธงชาติ
* หย่อนสมรรถภาพ ล่มปากอ่าว
* อ่อนตัวเร็ว แข็งตัวได้ไม่เต็มที่
การฉีด BOTOX(น้องชาย) aka BoCox™ ไม่เพียงแต่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ช่วยรักษาปัญหาเสื่อมสรรมภาพทางเพศ การไหลเวียนของเลือดที่สูบฉีดไปที่อวัยวะเพศดีขึ้น และแม้แต่เพิ่มความมั่นใจในตนเองอีกด้วย
ผลข้างเคียงจากการใช้ Testosterone
ผลข้างเคียงจากการใช้ Testosteron
1. สิว : สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวจาก Testosterone เนื่องจาก Testosterone ที่ได้รับเข้าไปจะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันในผิว ให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น และอุดตันในรูขุมขนเกิดเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบ นอกจากนี้สิวยังเกิดได้จากความไม่สมดุลของฮอร์โมนและการอักเสบภายในร่างกายจากใช้ฮอร์โมนได้อีกด้วย
2. ผมร่วง : Testosterone สามารถเปลี่ยนเป็นฮอร์โมน DHT ได้จากเอ็นไซม์ 5-alpha reductase หากใครที่มีเอ็นไซม์นี้มาก อันเนื่องมาจากกรรมพันธุ์หรือใช้ Testosterone ปริมาณมากและระยะเวลานาน จะทำให้ฮอร์โมน DHT สูงขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนที่ไวต่อฮอร์โมนDHT หดตัว ทำให้เส้นผมบางลงและหลุดร่วง โดยเฉพาะบริเวณด้านบนและด้านหน้าในชายที่มีแนวโน้มผมร่วงตามกรรมพันธุ์
3. เลือดข้น : จำนวนเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นทำให้เลือดหนืด เลือดข้น หรือภาวะ Polycythemia ซึ่งอาจทำเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน และมีผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากจำนวนเม็ดเลือดแดงหนาแน่น ไม่มีผิวสัมผัสเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซและเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี อาการเริ่มแรกอาจมีวิงเวียนศีรษะหน้ามืดได้ และอาจเกิดการภาวะลิ่มเลือด เส้นเลือดอุดตัน หรือถึงขั้นอัมพาตได้
4. มีเต้านม : การเพิ่มขึ้นของเนื้อเยื่อเต้านมในผู้ชาย หรือภาวะ Gynecomastia เกิดเนื่องจากการเปลี่ยนเทสโทสเตอโรนเป็นเอสโตรเจนกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของเต้านม อีกทั้งภาวะนี้อาจเกิดได้กับผู้ที่ใช้ anabolic steroid, ยาต้านแอนโดรเจน, แอลกอฮอล์และสารเสพย์ติดบางชนิด และโรคตับแข็ง โรคไตและไธรอยด์ ได้อีกด้วย
5. อารมณ์เปลี่ยนแปลง : อาจเป็นได้ทั้งอารมณ์หงุดหงิดง่ายหรือซึมเศร้าก็ได้ Testosterone เป็นฮอร์โมนที่แสดงความเป็นชาย นอกจากจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น เพิ่มกล้าม สร้างกล้ามเนื้อ ยังมีผลต่อจิตใจด้วย จึงทำให้มีอารมณ์อารมณ์รุนแรง ฉุนเฉี่ยว และหงุดหงิดง่าย หรือหากฮอร์โมนไม่สมดุลหรือช่วงที่อยู่ในระยะหยุดยาอาจเกิดการซึมเศร้าได้ เรียกว่าภาวะ “Testosterone Withdrawal”เกิดได้จากระดับเทสโทสเตอโรนในเลือดขณะใช้ฮอร์โมนเสริมมีระดับสูงเมื่อหยุดใช้ทันทีจะมีระดับลดลงเร็วเกินไป นำไปสู่อาการซึมเศร้า อ่อนล้า และความไม่สบายทางใจ
6. เป็นหมัน : การใช้ Testosterone เสริม สามารถยับยั้งการหลั่ง GnRH (Gonadotropin-Releasing Hormone) จากต่อมใต้สมอง ทำให้ระดับ Luteinizing Hormone (LH) และ Follicle-Stimulating Hormone (FSH) ลดลง ทำให้การผลิต Testosterone ตามธรรมชาติและการสร้างสเปริ์มลดลง จึงทำให้ตัวอสุจิค่อยๆลดลงจนไม่สามารถมีบุตรได้ แต่การใช้ Testosterone ในระยะเวลาอันสั้น กระบวนการสร้างสเปริ์มจะกลับมาปกติได้ เมื่อหยุดใช้ Testosterone จากการฉีด ร่างกายจะกลับมาสร้าง Testosteroneได้เอง แต่ถ้าใช้ Testosterone เสริมเป็นเวลานาน อัณฑะจะไม่ถูกกระตุ้นเป็นเวลานานจึงทำให้อัณฑะฝ่อและเล็กลงจนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนและสเปริ์มได้ จึงอาจเป็นหมันถาวร
ไขข้อสงสัย! ฉีด Testosterone เสริมกล้ามตัวไหนเวิร์คที่สุด
ไขข้อสงสัย! ฉีด Testosterone เสริมกล้ามตัวไหนเวิร์คที่สุด

การฉีดฮอร์โมนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ Testosterone VS Growth hormone
การฉีดฮอร์โมนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
Testosterone VS Growth hormone
1. ฮอร์โมนที่ใช้เสริมสร้างกล้ามเนื้อในปัจจุบันมีใช้อยู่ 2 ตัว คือ
– เทสโทสเตอโรน (Testosterone) หรือฮอร์โมนเพศชายเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการโดยกระบวนการทางเคมี เพื่อเลียนแบบโครงสร้างและการทำงานของฮอร์โมนธรรมชาติ
– โกรทฮอร์โมน (Growth hormone, GH) : หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตเป็นฮอร์โมนที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี DNA รีคอมบิแนนท์ โดยใช้แบคทีเรียหรือเซลล์สัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ผลิต Growth hormone ได้
2. การใช้ Growth Hormone ในประเทศไทยมีจำหน่ายอย่างถูกกฎหมายสำหรับการใช้ทางการแพทย์เท่านั้น เช่น การรักษาภาวะขาด GH ในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ แต่การใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น การเสริมสร้างกล้ามเนื้อหรือการชะลอวัย อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การนำเข้าฮอร์โมนการเจริญเติบโตโดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ผิดกฎหมายและอาจถูกตรวจจับที่ด่านศุลกากรได้
– การใช้ GHในประเทศไทยต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้ฮอร์โมนนี้ เช่น แพทย์ต่อมไร้ท่อ (Endocrinologist) หรือแพทย์เวชศาสตร์การกีฬา (Sports Medicine Specialist) หากไม่ใช่แพทย์สองสาขานี้สั่งจ่าย อาจเสี่ยงต่อยาหิ้ว หรือ สารลอกเลียนแบบ อีกทั้งถ้าเก็บในอุณหภูมิไม่เหมาะสมจะเสื่อมสภาพ ถ้านำมาฉีดเข้าร่างกายอาจเป็นอันตรายได้
3. GH มีประโยชน์ในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของร่างกาย แต่มีผลกระทบต่อร่างกายดังนี้
– ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำในร่างกาย ทำให้บวมตัวบวมได้ โดยเฉพาะข้อมือและขา
– ทำให้เกิดอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะ carpal tunnel syndrome จะมีอาการปวดข้อมือและชาได้
– อาจก่อให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินและเบาหวานได้
– เกิดการขยายตัวของอวัยวะภายใน เช่น หัวใจและตับ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพรุนแรง
– เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง เช่นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากฮอร์โมนนี้กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์
– เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เพิ่มความดันโลหิตและเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลวและปัญหาหลอดเลือดได้
ดูเหมือนว่าการใช้ Testosterone จะมีความปลอดภัยกว่า ในโพสต์ต่อไปจะกล่าวถึงการใช้ Testosterone บ้างครับ แต่โดยสรุปแล้วการใช้ฮอร์โมนเสริมควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าชอบโพสต์นี้ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะ#bodycam
Reference:
– [Mayo Clinic: Testosterone therapy: Potential benefits and risks as you age](https://www.mayoclinic.org/…/testost…/about/pac-20384685)
– [Harvard Health: The dilemma of male hormone therapy](https://www.health.harvard.edu/…/the-dilemma-of-male…)
– [WebMD: Growth Hormone](https://www.webmd.com/men/features/growth-hormone)
9 สุดยอดผลไม้ที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ
ผู้ชายคนไหนอยากเพิ่มพลังทางเพศต้องอ่าน!
9 สุดยอดผลไม้ที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ

สตรอว์เบอร์รี่ 🍓 ช่วยลดความเสี่ยงของโรค เพิ่มความต้องการทางเพศ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย
แตงโม 🍉 มีซิทรูลีน ช่วยขยายหลอดเลือด บำรุงหัวใจ และเพิ่มความอึดในการทำกิจกรรมทางเพศ
สับปะรด 🍍 กระตุ้นฮอร์โมนเพศ เพิ่มพลังงาน และลดความเหนื่อยล้า

อะโวคาโด 🥑 บำรุงหัวใจและระบบหมุนเวียนเลือด เพิ่มความแข็งแรงของร่างกายและสมรรถภาพทางเพศ
กล้วย 🍌 เพิ่มพลังงานและสมรรถภาพทางเพศ ให้พลังงานและความทนทาน
ทับทิม 🍎 สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต บำรุงองคชาตและเพิ่มความแข็งแรง

แอปเปิล 🍏 ปรับปรุงการไหลเวียนเลือด ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
กีวี่ 🥝 เสริมระบบหมุนเวียนเลือด ลดความเสี่ยงของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
เชอร์รี่ 🍒 เพิ่มการไหลเวียนเลือดและพลังงาน ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ