6 วิตามินและแร่ธาตุสำหรับผู้ชาย ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

ในชีวิตประจำวันของผู้ชายยุคใหม่ ความเครียดจากการทำงาน การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะ “สมรรถภาพทางเพศลดลง” หรือที่เรียกว่า Erectile Dysfunction (ED) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป

สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือ “ภาวะขาดวิตามินหรือแร่ธาตุที่จำเป็น” ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน (Testosterone) การไหลเวียนของเลือด และระดับพลังงานในร่างกาย ในบทความนี้ เราจะพาคุณมารู้จักกับ 6 วิตามินสำหรับผู้ชาย ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเสริมสมรรถภาพทางเพศ พร้อมคำอธิบายทางการแพทย์และแหล่งอาหารที่ควรบริโภค

 

1. Zinc (สังกะสี)

Zinc หรือ สังกะสี เป็นแร่ธาตุจำเป็นที่มีบทบาทโดยตรงต่อการผลิตฮอร์โมนเพศชายอย่าง เทสโทสเตอโรน (Testosterone) โดยช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์อสุจิ ส่งเสริมความต้องการทางเพศ (Libido) และมีผลต่ออารมณ์ทางเพศของผู้ชายโดยเฉพาะ หากร่างกายขาด Zinc เป็นเวลานาน อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลง และส่งผลต่อคุณภาพการแข็งตัวของอวัยวะเพศ

นอกจากนั้น Zinc ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูผิวหนัง และบำรุงผม ขน เล็บ ให้แข็งแรง

แหล่งอาหารที่มี Zinc สูง ได้แก่ อาหารทะเล (โดยเฉพาะหอยนางรม) ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วเปลือกแข็ง ตับ และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน สำหรับผู้ชายที่ไม่สามารถได้รับจากอาหารเพียงพอ การเสริมด้วย Zinc ในรูปแบบอาหารเสริมอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

 

2. Vitamin D

Vitamin D ไม่ได้มีหน้าที่แค่ช่วยดูดซึมแคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกเพียงเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนในกระแสเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ มีงานวิจัยจาก Journal of Clinical Endocrinology พบว่า ผู้ชายที่มีระดับ Vitamin D ต่ำ มีแนวโน้มจะมีเทสโทสเตอโรนต่ำและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ ED หรือ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มากกว่าคนที่มีระดับ Vitamin D ปกติ

Vitamin D ยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง เพิ่มพลังงาน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท ซึ่งช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ดีขึ้น

แหล่งสารอาหารจากธรรมชาติที่มี Vitamin D ได้แก่ แสงแดดยามเช้า (ก่อน 9 โมงเช้า), ไข่แดง, ตับ, ปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน และทูน่า 

 

3. Vitamin B-complex (B3, B6, B12)

Vitamin B-complex (โดยเฉพาะ B3, B6, B12) เป็นกลุ่มวิตามินที่มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และระบบฮอร์โมน เสริมในเรื่องของสมรรถภาพของผู้ชาย โดยเฉพาะ:

  • Vitamin B3 (Niacin): ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ขยายหลอดเลือด ซึ่งช่วยในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
  • Vitamin B6: มีหน้าที่ในการควบคุมสมดุลฮอร์โมนเพศ และช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol)
  • Vitamin B12: เพิ่มพลังงาน ลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย และมีผลต่อสมรรถภาพทางเพศ

หากได้รับไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้มีอาการอ่อนเพลีย ระบบประสาทอ่อนล้า อารมณ์แปรปรวน และความต้องการทางเพศลดลง

แหล่งอาหารของ Vitamin B-complex มักพบในเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ตับ, ปลา, ไข่, นม, โยเกิร์ต และซีเรียลเสริมวิตามิน

 

4. Magnesium (แมกนีเซียม)

Magnesium (แมกนีเซียม) เป็นแร่ธาตุที่มักถูกมองข้าม แต่เป็นแร่ธาตุที่ช่วยให้กล้ามเนื้อและระบบประสาทผ่อนคลาย สนับสนุนระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างสมดุล ลดความเครียดสะสม และยังมีหน้าที่ในการเสริมประสิทธิภาพของเซลล์ต่อการตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการรักษาสมรรถภาพทางเพศ และสมดุลฮอร์โมนในผู้ชาย

บางการวิจัยพบว่า ผู้ชายที่ได้รับแมกนีเซียมในระดับที่เหมาะสม มีแนวโน้มจะมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) สูงกว่ากลุ่มที่ขาดสารนี้ แหล่งอาหารของแมกนีเซียมสามารถพบได้ในผักใบเขียวเข้ม เมล็ดธัญพืช อะโวคาโด เมล็ดฟักทอง ถั่วเปลือกแข็ง และดาร์กช็อกโกแลต

 

5. L-Arginine (กรดอะมิโนชนิดหนึ่ง)

 

L-Arginine กรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการผลิตไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide หรือ NO) ซึ่งมีผลต่อการขยายหลอดเลือด ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศ ทำให้การแข็งตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

โดยงานวิจัยหลายชิ้นมักใช้ L-Arginine ร่วมกับสารสกัดจากโสมหรือ Pycnogenol เช่น สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส เพื่อเสริมฤทธิ์และเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายที่มีปัญหา ED ระดับเริ่มต้นได้ หรือพบได้ในเนื้อสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และอาหารเสริมเฉพาะกลุ่ม

 

6. Vitamin E

Vitamin E มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการเสื่อมสภาพ และชะลอความเสื่อมของหลอดเลือด ส่งผลให้ระบบการไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการแข็งตัว สมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย และความทนทานระหว่างกิจกรรมทางเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัญหาเลือดไหลเวียนไม่ทั่วถึงหรือหลอดเลือดเสื่อมตามวัย

สำหรับผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไปที่มีความเสื่อมของหลอดเลือด Vitamin E อาจช่วยชะลอกระบวนการเหล่านี้ และเสริมความแข็งแรงโดยรวมให้กับระบบไหลเวียนเลือด โดย Vitamin E สามารถพบได้ใน น้ำมันพืช ธัญพืชไม่ขัดสี เมล็ดทานตะวัน อะโวคาโด และผักโขม

 

สมุนไพรธรรมชาติที่นิยมใช้ในอาหารเสริมของผู้ชาย

อาหารเสริมสำหรับผู้ชายในปัจจุบันมักผสมวิตามินและแร่ธาตุร่วมกับสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ซึ่งมีงานวิจัยรองรับถึงคุณสมบัติในการส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศ และช่วยฟื้นฟูสมดุลฮอร์โมนเพศชาย ดังนี้:

วิตามินเหล่านี้มักถูกรวมไว้ใน “อาหารเสริมสำหรับผู้ชาย” ซึ่งอาจเสริมด้วยสารสกัดจากสมุนไพรที่มีงานวิจัยรองรับ เช่น:

  • โสมเกาหลี (Korean Ginseng): สมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เสริมพละกำลัง และเพิ่มความทนทานทางร่างกาย มีงานวิจัยบางชิ้นระบุว่าโสมอาจช่วยเพิ่มคุณภาพการแข็งตัวของอวัยวะเพศ และลดอาการอ่อนเพลียในผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนต่ำ
  • ถั่งเช่า (Cordyceps): เห็ดสมุนไพรที่ใช้ในแพทย์แผนจีนมายาวนาน ช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เพิ่มพลังงานระดับเซลล์ และอาจช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายที่มีภาวะอ่อนล้าเรื้อรัง
  • มาคา (Maca): พืชสมุนไพรจากเปรูที่นิยมในกลุ่มชายวัยทำงาน มีฤทธิ์กระตุ้นความต้องการทางเพศ (Libido) และเพิ่มความอึดทนระหว่างกิจกรรมทางเพศ ทั้งยังอาจช่วยลดภาวะความเครียดสะสมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของ ED
  • กระชายดำ (Black Ginger): สมุนไพรพื้นบ้านของไทยที่ได้รับความสนใจในระดับงานวิจัย มีสารฟลาโวนอยด์และสารสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของหลอดเลือด โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศชาย ส่งผลให้การแข็งตัวมีประสิทธิภาพและยาวนานมากขึ้น

📌 หมายเหตุ: สมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่ “ยาออกฤทธิ์เฉียบพลัน” แต่สามารถช่วยฟื้นฟูระบบไหลเวียน และสมดุลฮอร์โมนเพศได้ในระยะยาว โดยแนะนำให้ใช้ต่อเนื่องควบคู่กับการดูแลสุขภาพองค์รวม และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว

 

สำหรับผู้ชายที่เริ่มมีภาวะ ED (Erectile Dysfunction) หรือสมรรถภาพทางเพศเสื่อม

ในระยะเริ่มต้นของภาวะสมรรถภาพทางเพศเสื่อม หรือ ED ผู้ชายหลายคนอาจยังไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษาโดยตรง แต่สามารถดูแลฟื้นฟูได้ด้วยการปรับพฤติกรรมร่วมกับการเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีที่ตรวจพบว่าร่างกายมีภาวะขาดสารอาหารหรือฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่าปกติ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะฮอร์โมนเพศต่ำและการเสื่อมสมรรถภาพ ได้แก่:

  • อายุที่เพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะหลังอายุ 40 ปี)
  • ความเครียดเรื้อรัง หรือภาวะวิตกกังวลสะสม
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการฟื้นฟูของระบบฮอร์โมน
  • พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล เช่น ขาดสังกะสี วิตามิน D หรือ B-complex

ดังนั้นการเสริมวิตามิน เช่น Zinc, Vitamin D, B-complex, Magnesium และกรดอะมิโนอย่าง L-Arginine อาจมีส่วนช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศโดยส่งเสริมการไหลเวียนเลือด และกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกาย

นอกจากนี้ ยังมีฮอร์โมนจากธรรมชาติอย่าง DHEA (Dehydroepiandrosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไต มีบทบาทในการสนับสนุนสมรรถภาพทางเพศและการทำงานของระบบฮอร์โมนโดยรวม โดยเฉพาะในผู้ชายที่ระดับ DHEA ลดลงตามวัย

อย่างไรก็ตาม การใช้ DHEA ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการติดตามผลโดยแพทย์เท่านั้น เนื่องจากการใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจมีผลข้างเคียงต่อระบบต่อมไร้ท่อหรือสุขภาพโดยรวม

 

 📌 หมายเหตุ

  • ข้อมูลในบทความนี้อ้างอิงจาก งานวิจัยทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เช่น PubMed, National Institutes of Health (NIH) และ Journal of Sexual Medicine
  • วิตามินและอาหารเสริมที่กล่าวถึง มีบทบาทในการสนับสนุนการทำงานของระบบฮอร์โมนเพศ และระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งอาจช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศได้ในบางกรณี
  • วิตามินและสมุนไพรที่กล่าวมา ‘ไม่ใช่ยา’ และ ‘ไม่สามารถใช้ทดแทนการรักษาทางการแพทย์’ สำหรับภาวะสมรรถภาพทางเพศเสื่อมหรือโรคอื่น ๆ ได้โดยตรง
  • แนะนำให้ ตรวจสุขภาพและประเมินระดับฮอร์โมน กับแพทย์เฉพาะทางก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามิน โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือใช้ยารักษาโรคเป็นประจำ เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล