เปรียบเทียบ M Focused Shockwave และ M Bocox®

เปรียบเทียบ M Focused Shockwave และ M Bocox®

2 โปรแกรมเด่นที่ช่วยฟื้นฟูสรรมถภาพช่วงล่างสำหรับผู้ชายที่ M Clinic 

เมื่ออายุเพิ่มขึ้นสุขภาพร่างกายก็ต้องเปลี่ยนแปลง รวมถึงสุขภาพทางเพศด้วย ซึ่งกระทบโดยตรงต่อความมั่นใจของผู้ชาย และยังส่งผลถึงคุณภาพชีวิตรวมถึงความสัมพันธ์อีกด้วย ปัจจุบันมีผู้ชายหลายคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพทางเพศ ไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น การตื่นตัวที่ลดลง ความแข็งแรงที่ไม่เหมือนก่อน มีภาวะเรือล่มปากอ่าว หรือ นกเขาไม่ขัน

 

M Clinic เราเป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญในด้านการดูแลสุขภาพคุณผู้ชายโดยเฉพาะ จึงมุ่งเน้นการพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อรักษาได้อย่างตรงจุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเพื่อการรักษาที่ไม่ต้องพึ่งยาแบบเดิมอีกต่อไป  M Clinic มีโปรแกรมให้ผู้เข้ารับบริการเลือกตามความต้องการและตามความรุนแรงของปัญหา ซึ่ง 2 โปรแกรมเด่นที่แนะนำ คือ M Focused Shockwave Therapy และโปรแกรม M Bocox® วันนี้จะมาดูความแตกต่างของแต่ละโปรแกรมกันครับ ว่าใครจะเหมาะกับโปรแกรมไหน เพื่อการรักษาอย่างตรงจุดของแต่ละบุคคล

 

ก่อนอื่นมาทำเข้าใจภาวะ ED (Erectile Dysfunction) 

ภาวะ ED ( Erectile Dysfunction ) คือ ภาวะหย่อนสมรรถภาพช่วงล่าง คือการที่ผู้ชายมีปัญหาสุขภาพทางเพศที่ไม่ดีพอหรือมีการตื่นตัวที่น้อยลง หรือการที่มีกิจกรรมไม่สำเร็จ สาเหตุที่เกิดภาวะ ED มีหลายปัจจัย ทั้งด้านร่างกาย เช่น โรคประจำตัวที่ส่งผลต่อสุขภาพช่วงล่าง ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดได้ไม่ดี และปัจจัยทางด้านจิตใจ ไม่ว่าจะความเครียด วิตกกังวล ไปจนถึงภาวะซึมเศร้าก็ส่งผลต่อสุขภาพช่วงล่างได้

 

สรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะ ED

🔹 โรคประจำตัวที่เป็นอยู่ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี เช่น โรคเบาหวาน และความดัน

🔹 มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ฮอร์โมน testosterone ต่ำกว่าปกติ เลยส่งผลต่อสุขภาพทางเพศ

🔹ปัญหาทางด้านจิตใจก็เป็นส่วนที่ส่งผลต่อสุขภาพทางเพศได้ เช่น ความเครียดสะสม การวิตกกังวล และภาวะโรคซึมเศร้า

🔹โรคเฉพาะทาง Peyronie’s Disease (องคชาติคดงอ) โรคนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพชีวิตทางเพศได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ควรปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาที่ตรงจุด

M Focused Shockwave Therapy 

การรักษาบำบัดด้วยคลื่นกระแทกพลังงานต่ำ ( Low-Intensity Focused Shockwave Therapy ) เป็นการรักษาอีกวิธีที่มีความนิยมระดับสากล และมีงานวิจัยรองรับ โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงเข้าไปกระตุ้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณช่วงล่าง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดขึ้นใหม่ตามธรรมชาติ

 

จุดเด่นของ M Focused Shockwave:
  • ไม่ต้องใช้ยา ไม่มีแผล หลังทำสามารถใช้งานได้เลย
  • ไม่มีผลข้างเคียง หลังเข้ารับบริการไม่ต้องพักฟื้น
  • เป็นหัตถการที่เหมาะกับมือใหม่ผู้เริ่มต้น อยากเพิ่มความมั่นใจ
  • ใช้เครื่องมือที่ได้รับการรับรองและทันสมัย มีการปรับค่าพลังงานให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
  • ทำตามงานวิจัยทางการแพทย์ เพื่อผลลัพธ์

 

M Focused Shockwave Therapy เป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ชายที่ยังมีการตื่นตัวได้ แต่มีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม หรือการตื่นตัวได้ไม่เหมือนแต่ก่อน รวมถึงคนที่ไม่มีปัญหา ก็สามารถมาฟื้นฟูเพื่อคงความฟิตของช่วงล่างพร้อมเพิ่มสมรรถภาพได้ดีมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับคนที่มีปัญหาไม่สามารถแข็งตัวได้เลยแนะนำให้ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน

 

M Bocox® 

M Bocox® เป็นอีกหัตถการที่ใช้ Botulinum Toxin หรือ Botox ในการนำมาฉีดบริเวณช่วงล่างเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดีขึ้น จากการคลายกล้ามเนื้อในแกนของอวัยวะคุณผู้ชาย ซึ่งจะส่งผลให้การไหลเวียนเลือดเข้าไปในอวัยวะได้ดีมากยิ่งขึ้น และเมื่อกล้ามเนื้อฟองน้ำคลายตัวออกจะส่งผลให้มีการขยายขนาดของน้องชายเพิ่มขึ้น ใหญ่ขึ้น และด้วยส่วนผสมพิเศษของ M Bocox®  จะทำให้การตื่นตัวของช่วงล่างก็จะมีคุณภาพที่ดี ทนมากขึ้น สามารถทำกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

จุดเด่นของ M Bocox®:
  • ✅ ช่วยในเรื่องความตื่นตัวได้นานขึ้น แข็งแรงมากขึ้น
  • ✅กล้ามเนื้อฟองน้ำคลายตัวทำให้เพิ่มขนาดของอวัยวะได้
  • ✅ เป็นหัตถการที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ได้ลองทำมาหลายวิธีมาแล้วยังไม่เห็นผล
  • ✅ เห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไปภายใน 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล
  • ✅ เป็นหัตถการที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

 

M Bocox® เป็นโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาช่วงล่าง คนที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว คนที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพเพศ การตื่นตัว และทำให้หมดความมั่นใจเวลาทำกิจกรรม M Bocox® เป็นอีกตัวช่วยได้

 
แล้วควรเลือกโปรแกรมไหน? M Focused Shockwave หรือ M Bocox®

โปรแกรมหรือหัตถการที่ต้องการฟื้นฟูสมรรถภาพช่วงล่างควรพิจารณาจากปัญหาสุขภาพช่วงล่างของแต่ละบุคคล อีกทั้งระดับอาการของภาวะ ED ที่แตกต่างกันออกไปรวมถึงความรุนแรงของอาการ

  • ระดับเริ่มต้นหรือไม่มีอาการ หากรู้สึกว่าสุขภาพช่วงล่างยังใช้งานได้ตามปกติ หรือมีปัญหาไม่มากนัก อยากเพิ่มความมั่นใจในเรื่องสุขภาพทางเพศ M Focused Shockwave Therapy ถือเป็นหัตถการเริ่มต้นที่ดี เพราะไม่มีเข็ม ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้งานต่อได้เลย และยังเป็นการฟื้นฟูจากภายใน ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นในระยะยาวได้
  • ระดับที่มีปัญหาไปจนถึงมีปัญหาขั้นรุนแรง หากมีอาการที่ไม่สามารถตื่นตัวได้ หรือตื่นตัวได้บ้าง และได้รับการรักษาอย่างอื่นมาแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ หรือไม่ตอบโจทย์ M Bocox® เป็นอีกหัตถการที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีขึ้น และเพิ่มความมั่นใจ ให้กลับมาดีขึ้น

ฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเองเสี่ยงเป็นหมันหรือไม่?

ฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเองเสี่ยงเป็นหมันหรือไม่?

การฉีดฮอร์โมนกลายเป็นวิธีที่หลายคนสนใจเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เพิ่มกล้ามเนื้อ หรือปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่าการฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงและผลกระทบร้ายแรงเช่น การเป็นหมัน การเสพติดฮอร์โมน และผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว 💬

 

1. ความเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก (เป็นหมัน)

การฉีดฮอร์โมนโดยขาดการวางแผนที่เหมาะสม เช่น ไม่มีการใช้ยาเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบฮอร์โมนตามธรรมชาติ (Post Cycle Therapy – PCT) อาจทำให้ร่างกายหยุดผลิตฮอร์โมนเองตามธรรมชาติ ส่งผลให้จำนวนอสุจิลดลงหรือถึงขั้นเป็นหมันได้

 

2.ปัญหาน้ำอสุจิน้อย

การฉีดฮอร์โมนที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุม อาจลดปริมาณน้ำอสุจิ เพราะร่างกายถูกกดการทำงานของอัณฑะ ฮอร์โมนที่มากเกินไปทำให้ร่างกายเสียสมดุลและระบบสืบพันธุ์ทำงานผิดปกติ

 

3.การเสพติดการใช้ฮอร์โมน

เมื่อเริ่มต้นใช้ฮอร์โมน ร่างกายจะรู้สึกถึงพลังงานและสมรรถภาพที่ดีขึ้น แต่เมื่อหยุดฉีด หลายคนอาจรู้สึกว่าร่างกายแย่ลง ไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้ ทำให้ต้องฉีดฮอร์โมนอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นการเสพติดการใช้ฮอร์โมน

 

4.ผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมน

การฉีดฮอร์โมนที่ไม่มีการวางแผนหรือการจัดการวงจรที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น สิวขึ้นหนัก,อารมณ์แปรปรวน,ระบบการเผาผลาญผิดปกติ,ปัญหาตับและไตจากการสะสมของสารพิษ

 

5.ยาถอย (PCT)

หลังจากการใช้ฮอร์โมน ร่างกายต้องการการฟื้นฟูระบบฮอร์โมนธรรมชาติ การมียาถอย เช่น Clomiphene หรือ HCG ช่วยให้ระบบฮอร์โมนกลับมาทำงานได้ปกติ และลดความเสี่ยงในการเกิดหมันและผลกระทบระยะยาว

 

ข้อแนะนำ

การใช้ฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อวางแผนการใช้ยาอย่างเหมาะสม ควรตรวจสอบระดับฮอร์โมนในร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การตรวจเลือดก่อนเริ่มต้นใช้ฮอร์โมนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ 

 

การฉีดฮอร์โมนด้วยตัวเองอาจดูสะดวกและรวดเร็ว แต่ในระยะยาวอาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพที่แก้ไขยาก ดังนั้น หากคุณกำลังพิจารณาการฉีดฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ยั่งยืน




ทำไมต้องฉีดฮอร์โมนทุก 7 วัน?

ทำไมต้องฉีดฮอร์โมนทุก 7 วัน?

 

โปรแกรม M Shot Testosterone เป็นการใช้ฮอร์โมนระยะสั้น หรือที่เรียกว่า Short-acting hormones ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนในปริมาณที่พอเหมาะ และสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อให้ระดับฮอร์โมนอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและคงที่ คุณจึงต้องฉีดฮอร์โมนบ่อยทุก 7 วัน การรักษาระดับฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอนี้มีความสำคัญมากสำหรับผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพโดยรวมและประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย

ข้อดีของการใช้ฮอร์โมนระยะสั้น

  • ควบคุมระดับฮอร์โมนได้ดีกว่า: การฉีดฮอร์โมนในระยะเวลาสั้นทำให้แพทย์สามารถติดตามผลและปรับปริมาณได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ระดับฮอร์โมนอยู่ในจุดที่สมดุล
  • ลดผลข้างเคียง: ด้วยการใช้ฮอร์โมนในปริมาณที่พอดี ช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น สิว ผมร่วง อารมณ์แปรปรวน หรืออาการอ่อนล้า
  • เสริมการออกกำลังกายและสุขภาพโดยรวม: ฮอร์โมนที่สมดุลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างกล้ามเนื้อ เสริมความแข็งแรง และส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

การรักษาระดับฮอร์โมนที่เหมาะสมยังส่งผลให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงานเพียงพอสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ และสามารถตอบสนองต่อการออกกำลังกายได้ดีขึ้น นี่คือเหตุผลที่การฉีดฮอร์โมนทุก 7 วันเป็นวิธีที่แพทย์แนะนำสำหรับการรักษาแบบ M Shot Testosterone!

ที่ Ⓜ️ Clinic มีแผนการใช้ Testosterone ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะสุขภาพที่กระทบจากภาวะพร่องฮอร์โมน รวมไปถึงการเร่งสร้างกล้ามเนื้อด้วยการใช้ Testosterone

รู้หรือไม่ Q10 ช่วยสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายได้?

รู้หรือไม่ Q10 ช่วยสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายได้?🍌✨🚀

ถ้านึกถึงดูแลสุขภาพช่วงล่างของผู้ชาย หลายคนอาจนึกถึงการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามกลุ่มวิตามิน ที่มีความสำคัญต่อการบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Coenzyme Q10 (CoQ10) สารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ในร่างกาย

 

Q10 คืออะไร?

CoQ10 เป็นสารที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมาเองและมีความสำคัญต่อการผลิตพลังงานในเซลล์ โดยเฉพาะในกล้ามเนื้อและหัวใจ ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้สำคัญต่อสุขภาพของผู้ชายในหลายด้าน รวมถึงการทำงานของระบบสืบพันธุ์ด้วย

 

Q10 กับสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย

การที่ Q10 มีบทบาทในการส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดนั้นส่งผลดีอย่างยิ่งต่อสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของปัญหา ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction)

 

ประโยชน์อื่น ๆ ของ Q10

นอกจากจะช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศแล้ว Q10 ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายสำหรับผู้ชาย เช่น
* ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
* เพิ่มพลังงาน ช่วยลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความกระฉับกระเฉงในการออกกำลังกายและกิจกรรมประจำวัน
* ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ทำให้ผู้ชายมีสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์

 

ที่ M Clinic เรามีบริการ IV Drip ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเราทำการออกแบบสูตรวิตามินสำหรับผู้ชาย โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ชาย ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน ฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย และช่วยเพิ่มพละกำลังได้อย่างเต็มที่ ✨

ไม่อยากกล้ามหาย ดริปวิตามินช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อได้จริงไหม?

ไม่อยากกล้ามหาย

ดริปวิตามินช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อได้จริงไหม? 💪🏻💬

การรักษามวลกล้ามเนื้อไม่ให้หายไปเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่รักการออกกำลังกายและต้องการรักษารูปร่างที่แข็งแรง การดริปวิตามินสามารถเป็นตัวช่วยในการดูแลกล้ามเนื้อให้คงอยู่ได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากการดริปวิตามินเป็นวิธีที่ให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างตรงจุด โดยเฉพาะสารอาหารที่มีบทบาทในการฟื้นฟูและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ 

 

อย่างไรก็ตาม การดริปวิตามินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การนอนพักผ่อนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวและเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้เต็มที่ รวมถึงการรับประทานโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม

มาดูว่ามีวิตามินอะไรบ้างที่สามารถ Maintain กล้ามได้

➡️ วิตามิน D มีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เนื่องจากช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ วิตามิน D ยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มความแข็งแรงและการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อสามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้นหลังการออกกำลังกาย

 

➡️ วิตามิน B โดยเฉพาะ B6, B12 มีบทบาทในการช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานและโปรตีนได้ดีขึ้น ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกล้ามเนื้อและฟื้นฟูหลังการออกกำลังกาย

 

➡️ วิตามิน C ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งมีบทบาทในการบำรุงและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และลดการอักเสบของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย

 

M Clinic ของเรามีบริการ IV Drip ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง มีสูตรเฉพาะสำหรับผู้ชาย วิตามินหลากหลายที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพและความต้องการของผู้ชาย เช่น เพิ่มพลังงาน เสริมกล้ามเนื้อ และยังบำรุงสุขภาพทางเพศ 💉✨

 

📌สนใจสอบถามเพิ่มเติมปรึกษาแอดมินเรื่องแผนการรักษาได้เลย

มารู้จัก Myer’s Cocktail

มารู้จัก Myer’s Cocktail

คือสูตรการให้สารอาหารและวิตามินผ่านทางเส้นเลือดที่ได้รับความนิยมในการบำรุงสุขภาพ สูตรนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Dr. John Myers ในสหรัฐอเมริกา และมีส่วนผสมหลักๆ เช่น วิตามินซี แมกนีเซียม แคลเซียม วิตามินบีรวม และส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เพิ่มพลังงาน และฟื้นฟูสภาพร่างกาย

ประโยชน์ของ Myer’s Cocktail 

✅ เพิ่มพลังงาน

✅ เสริมภูมิคุ้มกัน

✅ ช่วยลดอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง

✅ ช่วยบรรเทาอาการของโรคไมเกรนและหอบหืด

✅ ฟื้นฟูจากภาวะขาดสารอาหาร

โดยทั่วไป Myer’s Cocktail มักใช้เพื่อบำรุงสุขภาพทั่วไป รวมถึงฟื้นตัวจากความเครียด อ่อนเพลีย หรือโรคเรื้อรัง

 

ที่ M Clinic เรามีบริการ IV Drip ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเราทำการออกแบบสูตรวิตามินสำหรับผู้ชาย โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ชาย ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน ฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย และช่วยเพิ่มพละกำลังได้อย่างเต็มที่ 

กินยาปลูกผมแล้วน้องชายไม่แข็ง

เคยได้ยินว่ากินยาปลูกผมแล้วน้องชายไม่แข็งจริงหรือเปล่า?

#มาดูคำตอบกัน!
จริงๆ แล้ว ยาปลูกผมบางชนิด เช่น Finasteride หรือ Dutasteride ที่มักถูกใช้เพื่อรักษาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชาย (DHT) ซึ่งเป็นสาเหตุให้บางคนมีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรืออาการที่เรียกว่า “นกเขาไม่ขัน” ได้ 💡

 

แต่อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงนี้พบได้ในคนส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เมื่อหยุดใช้ยา อีกทั้งไม่ใช่ทุกคนจะได้รับผลกระทบนี้ เพราะร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อยาแตกต่างกันไป

#ไม่ต้องกังวล! ⭐️

ที่ M Clinic เรามีวิธีช่วยฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการรักษา M Focused Shockwave Therapy คือการรักษาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือดและการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาการแข็งตัวได้ ปลอดภัย ไม่ต้องพึ่งพายา

 

ทำร่วมกับ MPE (M Penile Enhancement) ช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศด้วยเซลล์ของตัวเองอย่างปลอดภัย ไม่มีสารแปลกปลอม ไม่ต้องพักฟื้นนาน ช่วยเสริมความมั่นใจและสุขภาพทางเพศภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์👨‍⚕️Ⓜ️

Magnesium คืออะไร ?

Magnesium คืออะไร ?

                  แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่สำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย แต่ไม่ค่อยไม่ใครรู้คุณสมบัติที่แท้จริงของมัน ซึ่งแท้จริงแล้วแมกนีเซียมมีความสำคัญมากต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพแมกนีเซียม เป็นเสมือนโรงงานไฟฟ้าของเซลล์ เพราะหน้าที่หลัก ๆ คือ การช่วยเพิ่มพลังงาน การทำงานของเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย และช่วยในการรักษาสมดุลของแร่ธาตุในเซลล์

                 ต่อไปเรามาทำความรู้จักหน้าที่ของแมกนีเซียมกันต่อเลย จะได้รู้ว่ามันสำคัญมากและถ้าหากเราขาดไปจะมีอาการเช่นไร

1. ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
– แมกนีเซียมมีความสำคัญในการหดตัวของกล้ามเนื้อและการส่งสัญญาณประสาทในระดับเซลล์ ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหดเกร็ง ป้องกันการเกิดตะคริว และการชักกระตุก
– แมกนีเซียมช่วยให้ระบบประสาททำงานปกติ และช่วยลดความตึงเครียดของงกล้ามเนื้อ


2. ช่วยเสริมสร้างกระดูก
– แมกนีเซียมทำงานร่วมกับแร่ธาตุแคลเซียม ช่วยในการเสริมสร้างกระดูก ป้องกันการสลายกระดูกและป้องกันไม่ให้เกิดโรคกระดูกพรุน


3. ระบบหัวใจและหลอดเลือด
– แมกนีเซียมมีช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจ ป้องการการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ ลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของหัวใจและหลอดเลือดได้


4. ช่วยในการสร้างพลังงาน
– แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการผลิตพลังงานของเซลล์ หรือผลิตแบตเตอรี่ให้กับเซลล์ที่มีชื่อว่า ATP(adenosine triphosphate ) นั่นเอง และATP นี้เองเป็นเหมือนแหล่งพลังงานที่ส่งต่อให้เซลล์ไปใช้ในการกระตุ้นกระบวนการต่างๆ มากกว่า 300 กระบวนการในร่างกาย รวมถึงการควบคุมกล้ามเนื้อ ระบบประสาท กระดูก หัวใจและเมตาบอลิซึม


5. ควบคุมการทำงานของเอนไซม์
– แมกนีเซียมควบคุมการทำงานของเอนไซม์มากมายที่เกี่ยวข้องการสังเคราะห์พลังงาน การเผาพลาญอาหารเพื่อมาเป็นพลังงานของร่างกาย


6. สร้างความสมดุลของแร่ธาตุ
– แมกนีเซียมช่วยสร้างความสมดุลของแร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย โดยทำงานร่วมกับ โพแทสเซียม และแคลเซียม ในการควบคุมกระแสไฟฟ้าในร่างกาย รวมทั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ


7. ช่วยการนอนหลับ
– แมกนีเซียมมีบทบาทช่วยควบคุมสารสื่อประสาทที่ช่วยผ่อนคลาย ช่วยในการนอนหลับ และกระตุ้นให้มีการหลั่งสารเมลาโทนิน ทำให้การหลับมีคุณภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งลดความเครียดและลดความวิตกกังวลได้ จึงทำให้จิตใจสงบยิ่งขึ้น


8. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
– แมกนีเซียมมีส่วนสำคัญในการผลิตและการใช้ฮอร์โมนอินซูลินที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนำน้ำตาลในกระแสเลือดมาใช้เป็นพลังงานในเซลล์ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติและป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2


9. ลดการอักเสบในร่างกาย
– แมกนีเซียมช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ ช่วยให้โรคต่างๆ ที่มีการอักเสบและช่วยลดอาการป่วยเรื้อรังได้ และมีส่วนเพิ่มการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ(anti-oxidation) ลดการทำลายของสารอนุมูลอิสระได้(oxidation)


10. ลดปวดศีรษะจากไมเกรน
– มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าแมกนีเซียมสามารถลดความถี่และความรุนแรงของการปวดศีรษะจากไมเกรนได้ เนื่องจากแมกนีเซียมมีส่วนควบคุมการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน


ดังนั้นนอกจากแมกนีเซียม มีความสำคัญเป็นโรงงานไฟฟ้าของเซลล์ ยังมีส่วนช่วยในการควบคุมการทำงานและรักษาสมดุลของกระบวนต่างๆในร่างกาย แมกนีเซียมจึงทำหน้าที่เป็นผู้จัดการและคอยประสานงานทำให้กระบวนการทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างราบรื่น

ALA สารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาล

✨ ALA สารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาล 🚀

ALA (Alpha-Lipoic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในร่างกายและอาหารบางชนิด เช่น ผักโขม บรอกโคลี และเนื้อสัตว์ มีบทบาทในการเปลี่ยนกลูโคสเป็นพลังงานและปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ALA ยังช่วยเสริมการทำงานของวิตามิน C และ E และมักใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท เช่น Diabetic Neuropathy และช่วยลดการอักเสบ

ข้อดีของ  ALA  ? 

กระตุ้นการทำงานของวิตามิน: ช่วยให้วิตามินที่เรารับประทานสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

ต้านการอักเสบ: ลดการอักเสบที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรงขึ้น

ล้างสารพิษ: ขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะโลหะหนักที่เป็นอันตราย

ควบคุมระดับน้ำตาล: ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้สุขภาพดีและสมดุล

ชะลอความอ่อนวัย: ALA ช่วยให้คุณดูอ่อนวัยกว่าเดิม ด้วยการปกป้องเซลล์จากความเสื่อม

ป้องกันโรคเรื้อรัง: ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรังและปกป้องร่างกายจากความเสียหายต่างๆ

นอกจากการรับประทานวิตามินแล้ว การ IV Drip เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ M Clinic ของเรามีบริการ IV Drip ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง สามารถเข้ามาปรึกษาได้เลยครับ ! 💉✨

การฉีดฮอร์โมนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ Testosterone VS Growth hormone

การฉีดฮอร์โมนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
Testosterone VS Growth hormone

1. ฮอร์โมนที่ใช้เสริมสร้างกล้ามเนื้อในปัจจุบันมีใช้อยู่ 2 ตัว คือ
– เทสโทสเตอโรน (Testosterone) หรือฮอร์โมนเพศชายเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการโดยกระบวนการทางเคมี เพื่อเลียนแบบโครงสร้างและการทำงานของฮอร์โมนธรรมชาติ
– โกรทฮอร์โมน (Growth hormone, GH) : หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตเป็นฮอร์โมนที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี DNA รีคอมบิแนนท์ โดยใช้แบคทีเรียหรือเซลล์สัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ผลิต Growth hormone ได้

2. การใช้ Growth Hormone ในประเทศไทยมีจำหน่ายอย่างถูกกฎหมายสำหรับการใช้ทางการแพทย์เท่านั้น เช่น การรักษาภาวะขาด GH ในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ แต่การใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น การเสริมสร้างกล้ามเนื้อหรือการชะลอวัย อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การนำเข้าฮอร์โมนการเจริญเติบโตโดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ผิดกฎหมายและอาจถูกตรวจจับที่ด่านศุลกากรได้
– การใช้ GHในประเทศไทยต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้ฮอร์โมนนี้ เช่น แพทย์ต่อมไร้ท่อ (Endocrinologist) หรือแพทย์เวชศาสตร์การกีฬา (Sports Medicine Specialist) หากไม่ใช่แพทย์สองสาขานี้สั่งจ่าย อาจเสี่ยงต่อยาหิ้ว หรือ สารลอกเลียนแบบ อีกทั้งถ้าเก็บในอุณหภูมิไม่เหมาะสมจะเสื่อมสภาพ ถ้านำมาฉีดเข้าร่างกายอาจเป็นอันตรายได้

3. GH มีประโยชน์ในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของร่างกาย แต่มีผลกระทบต่อร่างกายดังนี้


– ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำในร่างกาย ทำให้บวมตัวบวมได้ โดยเฉพาะข้อมือและขา
– ทำให้เกิดอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะ carpal tunnel syndrome จะมีอาการปวดข้อมือและชาได้
– อาจก่อให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินและเบาหวานได้
– เกิดการขยายตัวของอวัยวะภายใน เช่น หัวใจและตับ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพรุนแรง
– เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง เช่นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากฮอร์โมนนี้กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์
– เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เพิ่มความดันโลหิตและเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลวและปัญหาหลอดเลือดได้

ดูเหมือนว่าการใช้ Testosterone จะมีความปลอดภัยกว่า ในโพสต์ต่อไปจะกล่าวถึงการใช้ Testosterone บ้างครับ แต่โดยสรุปแล้วการใช้ฮอร์โมนเสริมควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าชอบโพสต์นี้ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะ#bodycam

Reference:
– [Mayo Clinic: Testosterone therapy: Potential benefits and risks as you age](https://www.mayoclinic.org/…/testost…/about/pac-20384685)
– [Harvard Health: The dilemma of male hormone therapy](https://www.health.harvard.edu/…/the-dilemma-of-male…)
– [WebMD: Growth Hormone](https://www.webmd.com/men/features/growth-hormone)

Posts pagination