Scrotox การฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน ลูกอัณฑะ
โบทูลินั่ม ท็อกซิน / Bo-Tox ( Botulinum Toxin )
โดยตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่นั้นสามารถฉีดรักษาได้ที่ใบหน้า ลำตัว ฝ่ามือ หรือรักแร้ แต่คุณอาจไม่เคยรู้มีอีก 1 ตำแหน่งใหม่มาแรง ที่ ณ ปัจจุบันนิยมฉีดกันในผู้ชาย ก็คือตรง “ อัณฑะ ” นั่นเอง
การฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน ลูกอัณฑะ ( Scrotox / Balltox / Scrotal botox ) ได้รับความนิยมแพร่หลายมาตั้งแต่ปี 2560 ในต่างประเทศ
ประโยชน์ของการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน ลูกอัณฑะ ( Scrotox )
1. แก้ปวดอัณฑะ : ในอาการปวดอัณฑะเรื้อรังที่ฉีดยาชาแล้วทุเลา แต่ยาชามันหมดฤทธิ์ไว จะได้เปลี่ยนเป็นฉีดแล้วหายปวดไปหลายเดือนค่อยมาฉีดใหม่
2. ลดเหงื่อที่อัณฑะ : ในคนที่เหงื่อออกที่อัณฑะมากๆ hyperhidrosis ก็อาจจะฉีดเพื่อลดเหงื่อตรงอัณฑะ
3. ลดริ้วรอยร่องลึกของอัณฑะ : ให้ได้อัณฑะที่ดูเต่งตึง ทำให้ไม่มีริ้วรอยร่องลึกเหี่ยวย่น
4. อัณฑะดูใหญ่ขึ้น : การฉีดไปทำให้กล้ามเนื้อรอบอัณฑะคลายตัว ทำให้ดูใหญ่และยานขึ้น
การฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซินในลูกอัณฑะ ( Scrotox ) นั้นจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง เพราะเป็นอวัยวะสำคัญ หากฉีดไม่ถูกวิธีจะเกิดอันตรายได้ง่าย สำหรับใครที่สนใจการฉีดการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซินในลูกอัณฑะ ( Scrotox ) สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ M CLINIC ได้เลย เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และดูแลทุกท่านอยู่ครับ
Testosterone ฮอร์โมนแห่งความเป็นชาย
Testosterone ฮอร์โมนแห่งความเป็นชาย
เทสโทสเตอโรน คือ ฮอร์โมนเพศชาย
ที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง
จากอัณฑะตั้งแต่กำเนิด
มีการผลิตสูงสุดเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น
และลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย
จากงานวิจัยพบว่าเมื่อคุณผู้ชาย
อายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป
เทสโทสเตอโรนจะลดลงอย่างน้อยปีละ 1%
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจ เช่น
– สมรรถภาพทางเพศลดลง
– อ้วนลงพุง
– กล้ามเนื้อฝ่อลีบ
– อ่อนเพลียง่าย
– ประสิทธิภาพในการนอนลดลง
– ขาดแรงจูงใจ
– สมาธิสั้นลด
อาการและอาการแสดงดังกล่าว
ถือได้ว่าเป็นสัญญาณเตือน
ของภาวะเทสโทสเตอโรนในร่างกายต่ำกว่าปกติ
(ค่าปกติในเพศชาย 300-1,000 นาโนกรัมต่อเดซิลิตร)
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่จะต้องเข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาที่ถูกต้อง
ขั้นตอนการรักษาที่เอ็มคลินิก
1. เข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อประเมินอาการ และความรุนแรงเบื้องต้น
2. ตรวจวัดระดับฮอร์โมนในกระแสเลือด
3. แจ้งผลการตรวจเลือด (ภายใน 24 ชั่วโมง)
4. พบแพทย์และวางแผนแนวทางการรักษาติดตามประเมินอาการอย่างต่อเนื่อง
ฮอร์โมนเพศชายทดแทน
โปรแกรมเสริมฮอร์โมนเพศชายที่ M Clinic ตัวยาผ่านการรับรองจาก Thai FDA (อย.)
ปัจจุบันทางการแพทย์ฮอร์โมนเพศชายทดแทนมีอยู่หลากหลายวิธี
ได้แก่ กิน ทา และฉีด
ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อบ่งชี้ ข้อดี
และผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป
แพทย์จะให้คำแนะนำและตัดสินใจการรักษาร่วมกับผู้รับบริการ
1. กิน
ข้อดี สะดวก ประหยัด
ข้อเสีย ส่งผลเสียต่อตับ ได้ผลช้า ต้องมีระเบียบในการรับประทาน
2. ทา
ข้อดี สะดวก
ข้อเสีย ทาทุกวันและต้องรอให้แห้งก่อนใส่เสื้อผ้า
3. ฉีด
ข้อดี ยาออกฤทธิ์ได้ทันที สามารถปรับขนาดยาขึ้นลงได้ ระดับฮอร์โมนไม่เหวี่ยง
ข้อเสีย เจ็บขณะฉีดในระดับที่ทนได้
คำถามที่พบบ่อย
1. ไม่มีภาวะเทสโทสเตอโรนในร่างกายต่ำสามารถฉีดเทสโทสเตอโรนได้ไหม?
ตอบ ได้ครับ เพราะนอกจากเทสโทสเตอโรนจะรักษาภาวะดังกล่าวแล้ว
ยังส่งผลดีต่อการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
กล้ามเนื้อเห็นชัดมากขึ้น และรู้สึกระฉับกระเฉง
2. จำเป็นต้องตรวจวัดระดับเทสโทสเตอโรนในเลือดหรือไม่?
ตอบ จำเป็นครับ แพทย์จะส่งตรวจ ระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone)
ค่าความเข้มข้นของเลือด (Hematocrit)
ลูติไนซิ่งฮอร์โมน (Luteinizing hormone)
และค่าเอมไซต่อมลูกหมาก (PSA) เพื่อประเมินระดับความรุนแรง
และผลการรักษาที่แม่นยำ
3. ต้องตรวจวัดระดับเทสโทสเตอโรนในเลือดบ่อยแค่ไหน?
ตอบ ควรตรวจวัดทุก 3-6 เดือน เพื่อประเมินผลและปรับแผนการรักษา
4. ความถี่ของการฉีด
ตอบ เฉลี่ยทุก 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับของเทสโทสเตอโรน
ในเลือดของผู้รับบริการแต่ละคน ซึ่งไม่เท่ากันดังนั้นแพทย์
จะเป็นผู้วางแผนการรักษา
5. ผลข้างเคียงของเทสโทสเตอโรน
ตอบ อาการปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด สิวขึ้น ภาวะซึมเศร้า หรืออาการแพ้รุนแรง
ดังนั้นต้องได้รับการฉีดและติดตามอาการโดยแพทย์
เอ็มคลินิกเลือกใช้เทสโทสเตอโรนที่ได้รับการรับรองโดย อย.ไทย
ได้มาตรฐานสากล ซึ่งเป็นชนิดที่ออกฤทธิ์ทันที ผลข้างเคียงน้อย
ร่วมกับแพทย์เป็นผู้ดูแลผู้รับบริการด้วยตนเองทุกเคส